หน้าแรกแกลเลอรี่

หันมา.. พัฒนาแก้ไข!!

บี บางปะกง

28 มิ.ย. 2564 06:00 น.

ประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศเดียวในโลก และเป็นชนิดกีฬาประเภทเดียวที่มีกฎหมายมวย หรือ พ.ร.บ. 2542 ของตนเองเป็นการเฉพาะ

ยุคทองของวงการมวย ไม่ว่าโปรโมเตอร์จะจัดรายการอะไร ก็เก็บค่าผ่านประตูเป็นกอบเป็นกำ ทั้งที่ค่าผ่านประตูชั้น 3 เพียงแค่ 200-250 บาทเท่านั้น

เรียกว่า โปรโมเตอร์กวาดเงินล้านเป็นว่าเล่น!!

ยุคทองของวงการมวย จึงเป็นที่มาของ พ.ร.บ. 2542 เพราะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยมวยล้มต้มคนดู กรรมการบางเวทีตัดสินแบบรู้กัน

นักมวยถูกหัวหน้าคณะ “โอโม” ค่าตัว เท่าๆ กับหัวหน้าคณะถูกโปรโมเตอร์และทีมงาน “ตอน” ค่าตัวอย่างมิรู้จบสิ้น

การรวมตัวเรียกร้องให้ได้มาซึ่ง พ.ร.บ.มวย จึงเกิดขึ้นท่ามกลางความเห็นชอบจากบุคคลสำคัญ บรรดาผู้นำในวงการมวยขณะนั้น

พ.ร.บ.มวย 2542 นอกจากกำหนดให้มี คณะกรรมการกีฬามวย ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานโดยตำแหน่งแล้ว

ยังให้มีการจัดตั้ง สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย มีฐานะเป็นหน่วยงานในสังกัดการกีฬาแห่งประเทศไทย

กับให้ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกีฬามวย แต่งตั้งพนักงานของการกีฬาฯ คนหนึ่งซึ่งระดับไม่ต่ำกว่าผู้อำนวยการกอง เป็นผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย

แม้งบประมาณที่เสนอกันไว้เบื้องต้น จำนวน 50 ล้านบาทในปีแรก จะถูกตัดทอนลงเหลือเพียงแค่ 25 ล้านบาท ในรูปของกองทุนมวย

แต่กระนั้นบรรดา “กระสือมวย” ยังดาหน้ากันเข้ารุมทึ้ง แบบ 360 องศา

บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ไม่น้อยในการกีฬา มิพักว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน แห่กันใช้เงินจากกองทุนในรูปของการส่งเสริม และสนับสนุนกีฬามวยสารพัด

จนแม้แต่การทำงาน ของคณะกรรมการพิจารณาแก้ไขร่าง พ.ร.บ.มวย ที่เพิ่งตั้งกันขึ้นมา

ยังลือกันสนุกปากว่า “ท่าน” คิดจะ “จ้าง” บุคคลภายนอก มาเป็นผู้ยกร่าง

ลือกันเฮงซวยแบบนี้.. ใครจะไปเชื่อ

เพราะมิใช่งานวิจัย หรืออีเวนต์บ้าบอที่ไหน

นอกจากบรรดานักมวยเก่าบางส่วน ที่ได้รับการช่วยเหลือสงเคราะห์จากกองทุนมวย หรือกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติตามระเบียบแล้ว

บุคคลในวงการมวยทั้ง 7 ประเภท ต้องรอนานถึง 21 ปี ถึงได้รับการดูแลสงเคราะห์จากคณะกรรมการกีฬามวย อันเนื่องมาจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิต-19

โชคดีที่รัฐมนตรีกีฬา พิพัฒน์ รัชกิจประการ และท่านผู้ว่า กกท. ดร.ก้องศักด ยอดมณี พร้อมด้วย ส.ส.บุญลือ ประเสริฐโสภา ประธานคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ท่านเล็งเห็นความสำคัญของบุคลากรด้านกีฬา

โดยเฉพาะบุคคลในวงการมวย

เงินสงเคราะห์ช่วยเหลือ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิค ให้กับนักมวยและบุคคลในวงการมวยจึงเกิดขึ้น

แม้จะเป็นครั้งแรก ถึงจะไม่มากนัก แต่ก็ได้ใจคนมวยไปบานตะโก้

วันสองวันนี้ จะมีการเสนอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมเข้าทำหน้าที่ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย และนายทะเบียนมวย เข้าทำหน้าที่ อันเนื่องมาจากการปรับโครงสร้างใหม่

ใครก็ตามที่เข้ารับตำแหน่งที่ว่า จะเป็นผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยคนใหม่ ระดับ 9 แทนของเดิมหรือของเก่า ซึ่งแค่ระดับ 8

ผอ.ปรเมษฐ์ ภักดีคีรีไพรวัลย์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการมวยคนปัจจุบัน ตอนนี้ขยับออกไปทำหน้าที่ ผอ.กองบริหารกีฬามวย มาหลายมื้อแล้ว ทราบแล้วเปลี่ยน

และถ้าไม่มีฟ้าผ่าหน้าฝนนี้ซะก่อน ก็จะต้องเกษียณสิ้นกันยายนที่จะถึงนี้

อีกท่านที่สีเสื้อดี “ผอ.ตุ้ม” ธีรวัฒน์ ศิลปอาชา ทำหน้าที่ ผอ.กองส่งเสริมพัฒนากีฬามวย

หลังจากที่ท่านไปช่วยราชการหาประสบการณ์ ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จนผู้คนย่านหัวหมากแทบจะลืมไปแล้วนั้น

ทั้งหลายเป็นความสวยงาม ของสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย ที่เราใคร่ขอแสดงความยินด้วย

ในขณะที่วงการมวย ใกล้จะล่มสลายซะเต็มประดา

อนาคตของเวทีมวยมาตรฐานซึ่ง “ผูกขาด” การจัดการแข่งขันมากว่าครึ่งร้อยปี

วันนี้โปรโมเตอร์ นักมวย หัวหน้าคณะ เกิดโรคสมองไหลอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในประวัติศาสตร์ของวงการมวย ไม่ว่ายุคใหนๆ

เวทีมวยกองโจร หรือวิกมวยเร่ ไม่ว่าจะเป็นระบบปิดหรือเปิด

พร้อมเดินหน้าทันทีที่ทางการไฟเขียว จะเฟี้ยวฟ้าวจนเจ้าเก่าๆ หายใจไม่เต็มปอด

“งานช้าง” ของ “บอร์ดมวย” ซึ่งมีท่านรัฐมนตรีพิพัฒน์ เป็นประธาน รวมทั้งผู้อำนวยการสำนักงานมวยคนใหม่ ระดับ 9 จึงเป็นงานท้าทาย ที่วงการมวยรอความช่วยเหลือ

“หยุด” ส่งเสริมแล้วหันมา “พัฒนาแก้ไข” วงการมวยซะทีครับ!!!


บี บางปะกง