พัลลภ ศรีไพรวัลย์
พูดถึงเวทีมวยมาตรฐานในเมืองกรุงที่ยืนหยัดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีอายุกว่า 50 ปี คงมีเพียง “วิกตะหาน” เวทีลุมพินี กับ “วิกแอร์” เวทีราชดำเนิน
เวทีทั้ง 2 แห่งพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาเพื่อให้เข้ากับยุคสังคมและความทันสมัยในปัจจุบัน สำหรับ “วิกตะหาน” หรือลุมพินี แค่ชื่อก็บ่งบอกแล้วว่าเวทีแห่งนี้อยู่คู่กับทหารมาอย่างช้านาน เรียกได้ว่าเปรียบเสมือนโลโก้ ที่ทุกคนเข้าใจได้
วันนี้เวทีลุมพินีเพิ่งจะแต่งตั้ง “บิ๊กแดง” พล.ท.สุชาติ แดงประไพ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองบัญชาการกองทัพไทย เข้ามานั่งเป็นนายสนามคนใหม่มาบริหารงานเวทีแห่งนี้ให้ก้าวไกลและเป็นที่รู้จักของประชาชนมากขึ้นดังคำ “ลุมพินีเกริกไกร”
ก่อนหน้านี้เวทีมวยถูกโจมตีอย่างหนักในช่วงที่โควิด-19 กำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก แต่หลังจากสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายลง เวทีมวยทุกแห่งก็พยายามปรับปรุงและวางมาตรการที่เข้มข้นและรัดกุมยิ่งขึ้นเพื่อให้คนดูเกิดความมั่นใจและดูอย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องกังวล
เช่นเดียวกับ “เวทีลุมพินี” ได้มีการบูรณะ ทำความสะอาด และจัดระเบียบใหม่ รวมทั้งเตรียมมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 โดยร่วมมือกับกรมแพทย์ทหารบก ในการวางมาตรการเข้ม ด้วยการเปิดให้มีคนดู 30 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 1,500 คน มีการคัดกรองวัดอุณหภูมิ เช็กอินผ่านแอปพลิเคชันไทยชนะ เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร ปรับระบบอากาศใหม่ และทำความสะอาดเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ทุก 1 ชั่วโมง ในแบบฉบับ “นิวนอร์มอล” รวมทั้งได้มีการเปิดประเดิมจัดมวยนัดแรกไปเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ “บิ๊กแดง” เล่าให้ฟังว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ให้เข้ามาทำหน้าที่นายสนามมวยเวทีลุมพินี โดยมีนโยบายให้เวทีลุมพินีกลับมาเปิดการแข่งขันให้เร็วที่สุดและให้นักมวยกับโปรโมเตอร์ ได้ประโยชน์มากที่สุด ที่สำคัญคือการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับสนามหลังจากต้องปิดไปตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้จะลดค่าเช่าสนามให้กับโปรโมเตอร์เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องอยู่ได้ ขณะเดียวกันก็เตรียมจะเปิดเป็นเวทีสาธารณะให้คนทั่วไป และเด็กมาต่อยแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมถึงได้คุยกับกรมราชทัณฑ์ในแผนการนำนักโทษที่แข่งขันชกมวยภายในมาชกที่ลุมพินี รวมทั้งนักมวยทหารกองทัพมาแข่งขัน และได้คุยกับสมาคมกีฬามวยสากลฯ ให้นำมวยสากลมาชกด้วย พร้อมเปิดให้นักเรียนนักศึกษาเข้าชมฟรี อีกทั้งเตรียมที่จะจัดตั้งสถาบันครูมวยด้วย และลุมพินีจะสัญจรไปยังหัวเมืองใหญ่ในอนาคต
ผมจะสร้างสนามมวยลุมพินีให้ทุกคนเข้าถึงได้ ให้คนรุ่นใหม่เข้าใจมวยไทยที่เป็นศิลปะประจำชาติมากขึ้น โดยจะทำโครงการและกิจกรรมต่างๆ เพื่อตอบแทนสังคม ตั้งเป้าจะทำให้สำเร็จภายใน ม.ค.ปีหน้า และพร้อมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อดูแลนักมวย เทรนเนอร์ โปรโมเตอร์ และผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งยินดีรับฟังปัญหาทุกเรื่องเพื่อให้ทุกคนทุกฝ่ายสามารถขับเคลื่อนและเดินไปพร้อมๆกัน
การเปลี่ยนแปลงอาจจะมีถูกใจบ้างและไม่ตรงใจบ้างก็เป็นธรรมดา เพราะการจะไปถูกใจทุกคนในทุกเรื่องคงไม่มี แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อว่าน่าจะตรงใจและตอบโจทย์ในยุคที่คนใช้กีฬามวยไทยเป็นการออกกำลังกายคือการเปิดโอกาสให้คนเข้าถึงเวทีมากขึ้น รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชน
เชื่อว่าน่าจะเป็นนโยบายที่โดนใจ เพียงแต่แรกๆ อาจจะฟังดูแล้วขัดหูบางคน หรืออาจจะคิดว่าเป็นเรื่องที่เพ้อกันหรือเปล่า แต่ถ้าทุกอย่างสัมฤทธิผล วันนั้นทุกคนจะจดจำชื่อ “พล.ท.สุชาติ แดงประไพ” ไปอีกนาน.
พัลลภ ศรีไพรวัลย์ เรื่อง
ณรงค์วิทย์ ศรีวัฒนา ภาพ