หน้าแรกแกลเลอรี่

เจาะใจ 10 คำถามถึง "กุหลาบดำ" หลังพ่ายน็อก "เสมาเพชร" ยกแรก

ไทยรัฐออนไลน์

1 มิ.ย. 2564 13:15 น.

เจาะใจ 10 คำถามถึง "กุหลาบดำ สจ.เปี๊ยกอุทัย" หลังโดน "เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์" สอยร่วงน็อกยกแรกในศึก "ONE: FULL BLAST" เมื่อ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา

วันที่ 1 มิ.ย. 64 ความเคลื่อนไหวหลังจากที่ "ซ้ายอุกกาบาต" กุหลาบดำ สจ.เปี๊ยกอุทัย หลังพ่ายน็อกให้กับ "ซ้ายฟ้าผ่า" เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์ ในศึก ONE: FULL BLAST เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา และนี่คือ 10 คำถามที่จะสอบถาม กุหลาบดำ สจ.เปี๊ยกอุทัย ถึงศึกที่เพิ่งผ่านพ้นไปในครั้งนี้

1.) จุดที่โดนหมัดน็อกคือส่วนไหนของลำตัว ทำไมถึงลงไปนอนจุกขนาดนั้น มีส่วนด้วยไหมที่เป็นนวมเล็ก

จุดที่โดนคือชายโครงขวาซี่สุดท้ายครับ นวมเล็กมีผลมาก ไม่ต่างกับโดนหมัดเปล่าๆ เลย ทนยากกว่านวมใหญ่ ยิ่งถ้าโดนเข้าจังๆ ด้วย ถึงจุกแน่นอนครับ

2.) หลายคนบอกว่า บริเวณช่วงท้องคือจุดอ่อนของ กุหลาบดำ คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้

ก็อย่างที่หลายคนรู้ว่าผมโดนท้องไม่ค่อยได้ แต่นักมวยทุกคนก็ย่อมมีจุดอ่อนของตัวเองอยู่แล้วครับ ผมพยายามแก้ไขจุดนี้ และป้องกันตัวเองอย่างดี แต่ด้วยจังหวะในตอนนั้นและความเร็วของอาวุธด้วยครับ มีส่วนหมด

3.) มีกระแสบอกว่า "หมองูตายเพราะงู" มวยหมัดอย่าง กุหลาบดำ มาแพ้หมัดซะเอง คิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

ผมไม่ค่อยเห็นด้วยนะ ถ้าประมาทหรือพลาดพลั้ง จะโดนอาวุธไหนก็มีสิทธิ์น็อกได้หมดครับ แต่พอชกใน ONE เรื่องหมัดมันชัดเจน เพราะเป็นนวมเล็ก นวมแบบนี้ใครโดนก่อนก็เสียเปรียบครับ

4.) แวบแรกที่ลงไปนอนจุก ตอนนั้นคิดว่าตัวเองมีโอกาสลุกขึ้นมาสู้ต่อได้หรือไม่

ผมเริ่มจุกตั้งแต่ตอนที่โดนหมัดแรกแล้วครับ แต่ผมก็พยายามเกร็งท้องไว้ก่อน ทีนี้พอโดนซ้ำไปอีกที ผมหายใจไม่ทันครับ จุกมาก ใจผมก็อยากจะลุกนะ แต่แรงมันหายไปเลยครับ

5.) ทำไมช่วงแรกๆ ถึงไม่ยอมออกอาวุธ จนกรรมการต้องเข้ามาเตือน

กุหลาบดำ: ซ้ายเจอซ้ายโอกาสน็อกมีสูง ใครหลวมก่อนก็โดน ผมพยายามจะชกให้รัดกุม รอจังหวะดีๆ แล้วค่อยเข้าทำครับ แต่เวที ONE ไม่เหมือนเวทีบ้านเรา และยิ่งชก 3 ยกด้วย จะชักช้าไม่ออกอาวุธไม่ได้ ก็เข้าใจครับที่กรรมการเตือน

6.) กระแสก่อนชกของ กุหลาบดำ ดีมาก แฟนๆ ส่วนใหญ่ให้เป็นต่อ แต่พอขึ้นชกจริง มันเกิดอะไรขึ้น

ผมมีปัญหาเรื่องของน้ำหนักครับ รุ่นนี้คือรุ่นแบนตัมเวต (61.3-65.8 กก.) ปกติผมชกอยู่ที่พิกัด 140 ปอนด์ (63.5 กก.) ส่วน เสมาเพชร ชกที่ 144 ปอนด์ (65.3 กก.) ผมเสียเปรียบเขาทั้งช่วงชกและรูปร่าง ดีกว่าเขาแค่อย่างเดียวคือผมสดกว่า หลายคนถามว่าทำไมผมถึงไม่ลดไปชกในรุ่นฟลายเวต (56.8-61.2 กก.) แทน ถ้าเป็นเวทีบ้านเราคงจะลดได้ไม่ยาก แต่กับ ONE ซึ่งมีการชั่งน้ำหนักและวัดระดับน้ำด้วย น้ำต้องไม่ขาด มันจึงลดยากกว่ามากครับ ถ้าจะต้องไปอยู่รุ่นนั้น

7.) ก่อนชกสภาพร่างกายเป็นอย่างไร พักผ่อนเพียงพอไหม

การพักผ่อนถือว่าพอครับ ส่วนการเตรียมตัวชกใน ONE จะไม่มีการนวดน้ำมันตามเนื้อตัวก่อนขึ้นเวทีเหมือนอย่างบ้านเรา ซึ่งมันก็มีผลอยู่บ้าง แต่ที่สำคัญคือปัญหาเรื่องการทำน้ำหนักครับ

8.) วันชั่งจริงน้ำหนัก กุหลาบดำ มากกว่า เสมาเพชร อยู่ 2 ขีด ทำไมถึงบอกว่าเสียเปรียบ

ที่บอกว่าผมเสียเปรียบคือผมต้องเป็นฝ่ายเพิ่มน้ำหนักขึ้นไปเจอกับ เสมาเพชร ซึ่งต่างกับเขาที่ต้องลดน้ำหนักมาเจอกับผม ซึ่งการเพิ่มกับลดน้ำหนักเนี่ย ความรู้สึกมันต่างกันเลยนะครับ การเพิ่มขึ้นไปสำหรับผมมันยากกว่า เพราะต้องกินให้ถึง พอชั่งเสร็จก็ทานอะไรไม่ได้มากแล้ว ท้องมันแน่นแล้ว แต่การลดน้ำหนัก พอชั่งผ่านจะทานอะไรก็ได้เต็มที่ครับ

9.) หลังจากที่แพ้ใน วัน แชมเปียนชิพ สองไฟต์ติดต่อกัน (กับ รถเหล็ก และ เสมาเพชร) ได้บทเรียนอย่างไรบ้าง ในการปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น

ก็ต้องซ้อมให้มากกว่านี้ครับ คนอื่นเขาอาจจะซ้อม 100% แต่มวยที่เสียเปรียบน้ำหนัก ผมคงต้องซ้อมให้ได้อย่างน้อย 120% หรือมากกว่านั้น อีกเรื่องที่สำคัญคือการเล่นกล้ามท้องให้แข็งกว่านี้ สุดท้ายคงเป็นเรื่องของพละกำลัง ผมต้องอึดให้ได้มากกว่านี้ครับ

10.) ในรุ่นแบนตัมเวตตอนนี้มีคู่ปรับเก่าอย่าง "ตะวันฉาย" ที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ คิดว่าฟอร์มของตนเองขณะนี้พร้อมที่จะล้างตากับเขาหรือยัง

ผมเคยชกกับ ตะวันฉาย ในรายการอื่นมาแล้ว 3 ไฟต์ จากสถิติที่แพ้ทั้งหมดก็ยอมรับว่าสู้ยาก แต่อย่าลืมว่ากับ ONE ชกด้วยนวมเล็กนะครับ นั่นเป็นจุดเปลี่ยนเกม ถ้าเขามารัดกุมไม่พลาดโดนหมัดผม ก็อาจจะเป็นผมที่ต้องแพ้ เพราะเสียเปรียบทั้งช่วงชกและรูปร่าง แต่เรื่องของหมัดมวยอะไรก็เกิดขึ้นได้บนเวทีครับ.