ลองคิดให้ดี

ยังถกเถียงกันไม่จบสำหรับร่างแก้ไขพระราชบัญญัติกีฬามวยใหม่ พ.ศ.2561 ด้วยการห้ามเด็กต่ำกว่า 12 ปี แข่งขันมวยไทย หลังจากเกิดอุบัติเหตุ “เพชรมงคล ส.วิไลทอง” หรือ ด.ช.อนุชา ทาสะโก อายุ 13 ปี

เสียชีวิตหลังจากขึ้นชกที่เวทีมวยชั่วคราว ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา

ถึงวันนี้คนในวงการมวยรวมถึงบรรดานักวิชาการต่างก็เชื่อในความคิดของตัวเองว่าถูกต้องที่สุด ทั้งที่จริงๆแล้วทั้งสองฝ่ายควรที่จะต้องมาระดมสมองช่วยกันเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมและถูกต้องน่าจะดีที่สุด

เรื่องราวที่เกิดขึ้นคงไม่มีอยากให้เป็นแบบนี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่สะเทือนใจกันทุกฝ่าย ไม่ว่าผู้ปกครองเด็ก โปรโมเตอร์ที่จัดการแข่งขัน รวมถึง คนไทยอีกหลายคน แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วแทนที่จะมาถกเถียงกัน สู้เรามาช่วยกันหาทางออกเพื่อไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก น่าจะดีกว่า

ผมพูดในฐานะคนกลางและเป็นคนในวงการกีฬา คิดว่าการที่นักวิชาการบอกว่าการให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นต่อยมวยนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายและห้ามไม่ให้ชกนั้น ผมค่อนข้างไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ จริงๆแล้วการเล่นกีฬาทุกประเภทล้วนอันตรายด้วยกันทั้งนั้นอยู่ที่ว่าจะเล่นอย่างถูกวิธีหรือเปล่า

แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับคนในวงการมวยซะทีเดียว เรื่องที่เกิดขึ้นหากเราเจอกันคนละครึ่งทางคือให้เด็ก 12 ปีต่อยมวยได้ แต่เพิ่มเรื่องเครื่องป้องกันตัวมีเฮดการ์ด ใส่นวมใหญ่ มีสนับแข้ง และต่อยไม่ต้องมากยกในเวลาที่เหมาะสมก็น่าจะเป็นอีกตัวเลือก

รวมถึงต้องนำเด็กและนักมวยทุกคนที่อยู่ในสังกัดมาขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีการตรวจร่างกายอย่างจริงจังก่อนชกมีใบรับรองแพทย์ว่าร่างกายสมบูรณ์ และระยะเวลาเท่าไหร่หลังจากที่ชกไปแล้วถึงจะต่อยไฟต์ต่อไปได้ นอกจากนี้กรรมการก็ควรต้องมีความรู้และผ่านการอบรมกฎกติกาที่ถูกต้อง

ที่สำคัญต้องมีมาตรการบังคับใช้กับผู้ที่ทำผิดกฎอย่างชัดเจน และลงโทษให้หนักกับผู้ที่ลักลอบจัดโดยไม่มีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ

จะว่าไปแล้วมวยไทยอยู่คู่กับคนไทยมานานเพราะเป็น “ศิลปะประจำชาติไทย” ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ

สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือมวยไทยนอกจากเป็นศิลปะประจำชาติแล้ว มันคืออาชีพของคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ลองไปนับดูนักมวยดังๆ ทั้ง ทวี อัมพรมหา สมรักษ์ คำสิงห์ วิจารณ์ พลฤทธิ์ สมจิตร จงจอหอ มนัส บุญจำนงค์ ต่างก็เป็นนักมวยไทยมาก่อน และก็เคยผ่านการชกมวยในวัยเด็กด้วยกันมาแล้ว

และที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยมีเด็กคนไหนที่เสียชีวิตแบบนี้ เพียงแต่ครั้งนี้เป็นคราวเคราะห์ที่เด็กดันมาเสียชีวิต จะด้วยอะไรคงเป็นอีกเรื่องที่ต้องพิสูจน์ จึงทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต

แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อยากบอกคือมวยไทยอยู่คู่กับคนจน และเชื่อว่าคำนี้จะเห็นภาพอย่างชัดเจน เพราะคำว่าคนจนคือไม่มีเงิน จะให้เขาไปฝึกกีฬาที่ต้องใช้เงินอย่างเทควันโดคงยาก ที่สำคัญมวยไทยสร้างรายได้จุนเจือครอบครัว

ค่อนข้างเสียใจกับนักวิชาการบางคนที่ว่าภาระการเลี้ยงดูเด็กต้องเป็นผู้ปกครอง ซึ่งก็ไม่ผิด แต่คำว่า “จน” มันทำลายทุกสิ่งอย่าง บางคนมีลูกหลายคนต้องผลัดกันไปโรงเรียนเพราะไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าให้กับลูก

เห็นได้ชัดไม่มีคนรวยคนไหนที่ให้ลูกต่อยมวยตั้งแต่เล็ก เพราะกลัวความเจ็บ แต่สำหรับคนจนด้วยแล้วความเจ็บเรื่องเล็กแต่การไม่มีจะกินเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่า

การต่อยมวยถ้ามองดีๆ และมีมาตรการป้องกันที่ดี ดูน่ารักดีกว่าปล่อยให้เด็กไปแว้นตามท้องถนน หรือปล่อยให้ไปติดยา อย่างน้อยเขาก็เอาเวลามาเล่นกีฬาก่อเกิดประโยชน์กับชีวิต

ทุกวันนี้หลายครอบครัวลืมตาอ้าปากได้เพราะมวย จะเป็นไทยหรือสากลก็ว่ากันไป

ถึงตรงนี้การทะเลาะกันไม่ใช่ทางออก สู้ทั้งสองฝ่ายมาช่วยกันคิดช่วยกันทำน่าจะเหมาะสมที่สุด

ลองดูครับยังไม่สายและมีเวลาอีกเยอะในเรื่องนี้.

โจโจ้