ไทยรัฐออนไลน์
"แซมซั่น" แสนเมืองน้อย ลูกเจ้าพ่อมเหศักดิ์ กับ "พระกาฬหน้าขรึม" วีระพล สหพรหม ร่างกายสุดฟิต พร้อมตะบันหน้า 27 ธ.ค.นี้ ที่สนามราชดำเนิน...
วันที่ 7 พ.ย. 60 ที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค มีการตรวจร่างกาย พร้อมแถลงข่าวศึกมวยไทยซุปเปอร์ไฟต์ย้อนยุคของเพชรยินดี คู่เอก "แซมซั่น" แสนเมืองน้อย ลูกเจ้าพ่อมเหศักดิ์ พบ "พระกาฬหน้าขรึม" วีระพล สหพรหม (นครหลวงโปรโมชั่น) 2 อดีตยอดมวยไทยเงินแสน และอดีตแชมป์โลกคนดัง โดยการชกจะมีขึ้นที่เวทีมวยราชดำเนิน วันพุธที่ 27 ธันวาคม ที่จะถึงนี้
เมื่อช่วงเช้า คุณหมอ "แอร์" นพ.อกนิษฐ์ ศรีสุขวัฒนา อายุรแพทย์โรคหัวใจ เป็นผู้ทำการตรวจร่างกายของสองยอดมวย เริ่มจากการตรวจเอกซเรย์ระบบการทำงานของปอดและหัวใจ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ความดัน เม็ดเลือด ระดับไขมัน และการทำงานของไตอย่างละเอียด ปรากฏทั้งคู่สมบูรณ์ดีใกล้เคียงกัน ไม่มีโรคแทรกซ้อนใดๆ จากนั้นเป็นการทดสอบวิ่งบนสายพานเพื่อวัดอัตราการเหนื่อย ระบบการหายใจ
ผลปรากฏว่า วีระพล อดีตแชมป์โลก WBC ในวัย 48 ปี ยังมีสภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ขณะที่แซมซั่นในวัย 45 ปี อดีตแชมป์โลก WBF กลับมีความแข็งแกร่งเกินมนุษย์ปกติทั่วไปในวัยเดียวกันอย่างไม่น่าเชื่อ สร้างความประหลาดใจให้กับหมอแอร์ ถึงขนาดต้องออกปากชมอย่างน่าทึ่ง
จากนั้นช่วงบ่ายเวลา 14.00 น. มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ โดย "เสี่ยเน้า" วิรัตน์ และ "เสี่ยโบ๊ท" ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ 2 โปรโมเตอร์พ่อลูกเพชรยินดี ร่วมให้สัมภาษณ์ โดย "แซมซั่น" อดีตแชมป์มวยไทยเวทีลุมพินี-ราชดำเนิน และอดีตแชมป์สหพันธ์มวยโลก (WBF) เผยว่า วันนี้ตนอายุ 45 ปี มีลูก 4 คน ลูกๆ ทุกคนไม่เคยเห็นพ่อชกมวยไทยเลย ชีวิตความเป็นอยู่ปัจจุบันตนมีความสุขสบายดี มีพร้อมทุกอย่าง แต่การตัดสินใจคืนสังเวียนครั้งนี้ เป็นเพราะต้องการตอบสนองแฟนมวยที่อยากชมโดยแท้ พร้อมยืนยันว่า ด้วยศักดิ์ศรีที่สั่งสมมา การชกครั้งนี้ แม้ตนยังเคารพวีระพลรุ่นพี่ แต่ผลต้องจบลงแบบไม่ครบยกแน่นอน
ขณะที่ "พระกาฬหน้าขรึม" วีระพล อดีตแชมป์มวยไทยเวทีราชดำเนิน 3 รุ่น และอดีตแชมป์โลก 2 สถาบัน WBA-WBC วัย 48 ปี เปิดใจว่า ทุกวันนี้มีความสุขกับการเปิดร้านอาหารบ้านแชมป์โลกที่ จ.ชัยภูมิ กับครอบครัว การคืนสังเวียนอีกครั้งถือว่ามั่นใจ สภาพร่างกายขณะนี้เริ่มดีขึ้นตามลำดับ และยืนยัน พร้อมทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ให้เสียชื่อเสียงที่ตนสร้างสมมาตลอดชีวิต
ด้าน "เสี่ยเน้า" เผยว่า ปัจจุบันตนอายุ 70 ปี สมัยตนจัดแซมซั่นชก ค่าตัวเฉลี่ย 2.5 แสนบาทต่อไฟต์ ตลอดระยะเวลา 5 ปี ยังไม่รวมชกมวยสากลจนเป็นแชมป์โลก ค่าตัวต่อไฟต์เฉลี่ย 1 ล้านบาท สร้อยคอทองคำจากรางวัลอัดฉีดคิดน้ำหนักมูลค่าไม่น้อยกว่า 2,500-3,000 บาท ตลอดการชกภายใต้การจัดของตน แซมซั่นได้เงินค่าตัวไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่วีระพลนั้นตนไม่ได้จัด จึงไม่สามารถบอกได้ ความจริงการพบกันของทั้งคู่ ในอดีตตนไม่เคยได้เป็นผู้จัดเลย แม้กระทั่งภาคสาม ไฟต์นี้ก็ตกเป็นภาระของโบ๊ทลูกชาย ถือเป็นเรื่องน่าแปลก แต่ตนยังมีความภูมิใจและดีใจที่จะได้ชมคู่มวยไฟต์นี้อีกครั้ง ซึ่งจะเป็นประวัติศาสตร์ในความทรงจำ
ขณะที่ "เสี่ยโบ๊ท" โปรโมเตอร์ผู้จัด กล่าวว่า การชกครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อแฟนมวยทั้งในอดีตและปัจจุบัน คนรุ่นใหม่ที่จะได้ชมคู่มวยไทยที่ควรค่าแห่งการจดจำเป็นแมตช์ประวัติศาสตร์ หลังจากทั้งคู่เคยผลัดกันแพ้-ชนะด้วยการน็อกเอาต์มาแล้วเมื่อ 25 ปีก่อน ไฟต์นี้ทั้งคู่จะได้ค่าตัวคนละ 3 แสนบาท พร้อมประกันชีวิตวงเงินคนละ 10 ล้านบาท หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น อดีตเมื่อครั้งทั้งคู่ชกกัน ตนเพิ่งอายุได้เพียง 5-6 ขวบ วันนี้ตนอายุ 30 ปี ยอมรับว่า การจัดมวยครั้งนี้ต้องใช้งบทั้งค่าตัวและการโปรโมตต่างๆ ไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาทอย่างแน่นอน ที่สำคัญจะไม่มีการถ่ายทอดสดใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะขาดทุนหรือกำไร ตนต้องการเพียงเพราะอยากให้แฟนมวยทั้งคนรุ่นเก่าที่เคยชมการชกของคู่นี้ ตลอดจนเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้ประจักษ์ด้วยตาตัวเอง ถึงการได้ชมคู่มวยที่เหมาะสมและควรค่าแก่การยกย่อง เพราะมวยคู่นี้จะไม่มีการหยิบเรื่องเงินเดิมพันใดๆ มาข้องเกี่ยวแต่อย่างใด แต่นี่จะเป็นคู่มวยที่ชกกันด้วยค่าตัวของนักมวยอาชีพอย่างแท้จริง ซึ่งตนถือว่านี่คือศึกแห่งประวัติศาสตร์ที่แฟนมวยจะต้องระลึกนึกถึงตลอดไป
สำหรับคู่มวยประกอบรายการ เสี่ยโบ๊ท กล่าวว่า แซมซั่นกับวีระพลจะชกเป็นคู่เอกตัวยืนรายการอย่างแน่นอน ส่วนคู่ประกอบรายการนั้น จะต้องรอผลการชกศึกเพชรยินดี วันที่ 9 พฤศจิกายนนี้เสียก่อน จากนั้นจะรีบประกบคู่มวยที่เหมาะสมเข้าบรรจุในรายการทันที
ทั้งนี้ การชกศึกซุปเปอร์ไฟต์มวยไทยย้อนยุค ระหว่าง แซมซั่น กับ วีระพล ภาค 3 ในรอบ 25 ปี จะมีขึ้นที่เวทีมวยราชดำเนิน วันพุธที่ 27 ธันวาคม 2560 เก็บค่าผ่านประตู 500-1,000 บาท ไม่มีการถ่ายทอดสด