โจโจ้
ได้มีโอกาสบินมาร่วมเกาะติดสถานการณ์ทีมมวยเสื้อกล้ามไทยในการล่าโควตาโอลิมปิกเกมส์ 2024 เลกแรก ที่เมืองบุสโต อาซิซิโอ ประเทศอิตาลี
ทีมหมัดไทยชายหญิงบินมาล่าตั๋วครั้งนี้ 8 คน แบ่งเป็นหญิง 3 รุ่น และชายอีก 5 รุ่น
เท่าที่ดูระบบจัดการแข่งขัน บอกเลยต่างจากที่คิดไว้มาก ทั้งเรื่องการจัด รวมถึงความพร้อมในส่วนต่างๆ
ก่อนมาก็วาดฝันจะอยู่ใกล้แหล่งชุมชนเพื่อให้คนมาเชียร์เยอะเหมือนกับที่ไทยจัดแข่งที่อินดอร์ สเตเดียม ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวก
แต่เปล่าเลย คิดว่ามาชกอยู่ที่ค่ายมวย “โบนันซ่า” เมื่อสมัยก่อนยังไงยังงั้น สนามมวย “อีเวิร์คอารีน่า” จะว่าไปแล้ว ถ้าดูเผินๆ รูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกับอินดอร์ฯ เพียงแต่ไกล แถมไม่มีโรงแรมที่พอจะรองรับกับจำนวนนักกีฬาเจ้าหน้าที่ของชาติต่างๆได้
นักมวยส่วนใหญ่พักในเมืองมิลาน ซึ่งห่างจากสถานที่ชก “อีเวิร์คอารีน่า” มาก ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชม.กว่า เรียกว่าชานเมืองเลยก็ได้
อย่างว่าแหละครับ เขาอาจต้องการโปรโมตเมืองอาซิซิโอก็ได้ เพียงแต่สถานที่กับทัวร์นาเมนต์ไม่ค่อยเอื้อกันเท่าไหร่
ส่วนระบบจัดการแข่งขันบอกได้คำเดียวว่า “ไม่ดีอย่างที่คิด” ขนาดจะเริ่มการแข่งขันวันแรกยังไม่มีป้ายบอกถึงทัวร์นาเมนต์เลย เห็นเจ้าหน้าที่มาเร่งทำในช่วงวันแรกๆ
ที่สำคัญผมว่าน่าจะเป็นทัวร์นาเมนต์แรกที่ไม่มีเหรียญรางวัล เอาง่ายๆ ใครได้โควตาแล้วหรือรุ่นไหนได้ครบก็หยุดทันที ไม่มีรอบต่อไปหรือชิงชนะเลิศ
แถมรอบจัดการแข่งขันถ้าจำไม่ผิดเป็นครั้งแรกหรือเปล่าที่จัดชกถึง 3 รอบ เช้า 11 โมง รอบบ่าย 2 โมง และรอบค่ำ 2 ทุ่ม กว่าจะจบเกือบเที่ยงคืน
หากนักมวยไม่พร้อมบอกเลยเสร็จทันที เพราะหากใครอยู่รอบค่ำ โดยเฉพาะรุ่นใหญ่เป็นต้องถ่างตากันไป
หรือทั้งหมดทั้งมวลคือการประหยัดงบประมาณ เพราะถ้าตามระบบสากลขยับวันให้ยาวออกไปก็น่าจะเหมาะสมกว่าไม่ทำให้นักมวยต้องหนักเกิน
ร่ายยาวมาแบบนี้ก็ได้แต่หวังให้ฝ่ายจัดการแข่งขันของสมาคมมวยอย่าเอาเยี่ยงอย่าง “อย่าหาทำ” นะครับ
มิเช่นนั้นจะมีเสียงก่่นด่าเหมือนที่ผมมาเกริ่นให้ฟัง เพราะไม่ใช่แค่ผมที่บ่น บรรดานักชกต่างบอกในลักษณะเดียวกัน.
โจโจ้