พัลลภ ศรีไพรวัลย์
“มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์” ถือเป็นความฝันสูงสุดของเหล่านักกีฬาทั่วโลก ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องเข้าร่วมให้ได้สักครั้ง ยิ่งถ้าประสบ ความสำเร็จได้เหรียญรางวัลด้วยแล้วถือว่า “เพอร์เฟกต์” เป็นนักกีฬาที่สมบูรณ์แบบ
แต่การจะก้าวไปถึงความฝันไม่ใช่เรื่องง่ายทุกคนล้วนต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการโดยเฉพาะอันดับแรก การแข่งขันกับตัวเองที่จะขยันหมั่นฝึกซ้อม เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง รวมถึงเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆอยู่ตลอด เพื่อที่จะพัฒนาตัวเองให้เป็นนักกีฬาที่กล้าแกร่งและพร้อมที่สุด
สำหรับประเทศไทยกับกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ต้องยอมรับว่ามีไม่กี่ชนิดกีฬาที่สมหวัง หนึ่งในนั้น “มวยสากล” ที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ประเดิมเหรียญทองแรกในนามประเทศไทยได้อย่างกึกก้องจาก “เจ้าบาส” สมรักษ์ คำสิงห์ เมื่อปี 1996 ที่แอตแลนตา ประเทศสหรัฐฯ
โดยก่อนหน้านี้ทีมหมัดไทยเฝ้าเพียรพยายามอย่างหนักแต่ก็ทำได้เพียงเหรียญทองแดง เมื่อปี 1976 ที่มอนทรีออล แคนาดา ของ พเยาว์ พูนธรัตน์ ถัดมา ปี 1984 ที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ ทวี อัมพรมหา คว้าเหรียญเงิน ปี 1988 กรุงโซล เกาหลีใต้ ผจญ มูลสัน ได้เหรียญทองแดง ปี 1992 บาร์เซโลนา สเปน อาคม เฉ่งไล่ คว้าเหรียญทองแดง ปี 2000 ซิดนีย์ ออสเตรเลีย วิจารณ์ พลฤทธิ์ คว้าเหรียญทอง และพรชัย ทองบุราณ เหรียญทอง
ปี 2004 เอเธนส์ กรีซ มนัส บุญจำนงค์ เหรียญทอง กับวรพจน์ เพชรขุ้ม เหรียญเงิน และสุริยา ปราสาทหินพิมาย เหรียญทองแดง ปี 2008 ปักกิ่ง จีน สมจิตร จงจอหอ เหรียญทอง และมนัส บุญจำนงค์ เหรียญเงิน และเป็นเหรียญที่สองในโอลิมปิกเกมส์ ปี 2012 ลอนดอน อังกฤษ แก้ว พงษ์ประยูร เหรียญเงิน และปี 2020 โตเกียว ญี่ปุ่น สุดาพร สีสอนดี เปิดประวัติศาสตร์หยิบทองแดงแรกให้กับมวยหญิง
แต่ถ้าพูดถึงภาพรวมของผลงานที่ผ่านมา ทัพนักกีฬาไทยคว้าเหรียญมาคล้องคอได้ทั้งสิ้น 33 เหรียญ แบ่งเป็น 9 เหรียญทอง 8 เหรียญเงิน และ 16 เหรียญทองแดง
วันนี้กีฬาแห่งมวลมนุษยชาติกำลังเวียนมาถึง อีกครั้งในปี 2024 ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ถ้าจะพูดถึงความหวังหลายคนยังมองไปที่ “เทควันโด” ที่มี “น้องเทนนิส” เรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ที่หลายคนยกให้เป็นราชินีสาว ในรุ่น 49 กิโลกรัม ลงเป็นตัวเต็ง
ถัดมาปฏิเสธไม่ได้ “มวยสากล” ที่มี “บิ๊กบางจาก” พิชัย ชุณหวชิร เป็นแม่ทัพในการไล่ล่า เหรียญทอง ยังเป็นความหวังของคนไทยเหมือนเดิม แม้ระยะหลังทัพหมัดไทยจะห่างหายจากทำเนียบเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์มาหลายสมัยก็ตาม
ปีนี้ทีมหมัดไทยถือว่าเดินหน้าเต็มพิกัดทั้งส่งไป ชุบตัวต่างแดน รวมถึงได้เป็นเจ้าภาพคัดเลกเพื่อหวัง คว้าโควตา “ปารีสเกมส์” ให้ได้มากที่สุด ซึ่งทีมหมัดไทยที่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการคัดเลกแรกที่อิตาลี ในเดือน มี.ค. และอยู่ในช่วงติวเข้มโดยทีมชาย ไปเก็บตัวรวมถึงอุ่นหมัดหาประสบการณ์ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. ที่อุซเบกิสถานและสเปน ส่วนทีมหญิงจะเดินทางในเดือน ก.พ. ไปเก็บตัวที่บัลแกเรีย
โดยนายใหญ่มวยเสื้อกล้ามเองก็หวังที่จะคว้า โควตาไปปารีส 2024 ให้ได้มากที่สุด เพื่อสร้างโอกาส ในการหยิบเหรียญรางวัลกลับมาฝากคนไทย หลังจากที่ตุนไว้ในกระเป๋าแล้ว 4 รุ่น จากธิติสรรณ์ ปั้นโหม (รุ่น 51 กก.ชาย), จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง (รุ่น 66 กก.หญิง), จุฑามาศ รักสัตย์ (รุ่น 50 กก.หญิง), ธนัญญา สมนึก (รุ่น 60 กก.หญิง)
ในการคัดเลกที่เหลืออีก 2 ครั้ง ทีมหมัดไทย ตั้งเป้าไว้ถึง 6 รุ่นชาย–หญิง หากได้เท่ากับว่าทีมหมัดไทยจะไปโลดแล่นบนผืนผ้าใบ “ปารีสเกมส์” ถึง 10 รุ่น
ถือเป็นภารกิจที่ท้าทายของทีมหมัดไทยที่จะต้องทำอย่างสุดความสามารถเพื่อก้าวไปให้ถึง เป้าหมายสูงสุด
พัลลภ ศรีไพรวัลย์ เรื่อง
ชาติชาย จันทร์วัติ ภาพ