หน้าแรกแกลเลอรี่

ชีวิตและความยุติธรรม “แม็ก” อัจฉริยะ ขอทวงคืน 14 เดือนที่หายไป

ไทยรัฐออนไลน์

9 มิ.ย. 2563 12:00 น.

นิยามคำว่า “เวลา” ของแต่ละคน แน่นอนว่าย่อมไม่เท่ากันเสมอไป สำหรับบางคน 1 วันอาจผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับบางคน 1 นาที มันคือช่วงเวลาที่แสนยาวนาน และทรมานเกินกว่าจะรอไหว 

ที่กล่าวมาคงไม่ต่างกับชีวิต “แม็ก” นายอัจฉริยะ วิโรจน์สุโนบล อดีตแชมป์ WBC เอเชีย รุ่นซุปเปอร์ไลต์เวต ซึ่งเส้นทางบนผืนผ้าใบกำลังไปได้สวย อนาคตที่สดใสกำลังรอเขาอยู่ข้างหน้า แต่แล้วชีวิตนักชกจากบุรีรัมย์รายนี้ กลับดิ่งลงเหวแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะถูกเชื่อมโยงว่าเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีค้ายาเสพติดลอตใหญ่กว่า 3 ล้านเม็ด

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2562 “อัจฉริยะ อำนาจมวยไทยยิม” พร้อมคณะ กำลังจะเดินทางไปชกที่ประเทศญี่ปุ่น แต่เส้นทางกลับสะดุดลงตั้งแต่ยังไม่ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะ ตม.ได้รับแจ้งว่า นักชกรายนี้เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดีค้ายา 3.4 ล้านเม็ด ที่ จ.ระนอง

แต่หลังจากการต่อสู้อย่างยาวนานกว่า 14 เดือน ในที่สุดศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ทำให้อัจฉริยะกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ในทันที แต่คำถามที่เกิดขึ้นในใจของ “เจ้าแม็ก” คือ ระยะเวลากว่าปีเศษที่เสียไป ใครกันควรเป็นผู้รับผิดชอบ

“เหมือนผมกำลังฝันไป จริงๆ ผมควรจะอยู่ที่ญี่ปุ่น นอนอยู่ในห้องแอร์ และเตรียมตัวเพื่อขึ้นชกบนเวที แต่ทำไมผมต้องอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยลูกกรง ผมไม่เข้าใจ สับสนไปหมด มันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่” อัจฉริยะ เปิดฉากเล่าถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนโดนกักตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิ

“วันนั้นผมกำลังจะเดินทางไปชกมวยที่โตเกียว แล้วตำรวจ ตม.เห็นหมายศาลแจ้งมา ก็เลยกักตัวผมไว้ก่อน เพราะเห็นว่ามีคดีความที่ระนอง ผมตกใจมากครับ เพราะโดยส่วนตัวไม่เคยไปที่ระนอง แต่โดนหมายจับเพราะคดีค้ายา 3 ล้านเม็ด ถ้าเป็นพี่ พี่ตกใจไหม?”

“แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ตอนเดินทางไปรอขึ้นศาลที่ระนอง มีคนเข้ามาคุยกับผมและถามผมว่า โดนคดีอะไร พอผมบอกไปเขาก็ตกใจ เพราะโดนคดีเดียวกันคือค้ายา 3 ล้านเม็ด แต่เขาไม่รู้จักผมเลย ผมก็งง เขาก็งง สุดท้ายต่างคนต่างไม่กล้าคุยกันต่อ”

ขณะที่ “น้องออย” นลินตา จีรเดชชนดล ภรรยาที่อยู่เคียงข้าง “เจ้าแม็ก” มาตลอด ยอมรับว่าแม้จะไม่มีความรู้มากนัก ในเรื่องของการสู้คดีในชั้นศาล แต่ก็ยังโชคดีที่ได้บุคคลรอบข้างคอยเมตตา และให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอด

“ช่วงแรกๆ ประสานมาทางค่ายมวย และทางพันโทรุจ แสงอุดม (รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา) หลังทราบข่าว ท่านก็เรียกเข้าไปคุยว่า พอจะมีทางช่วยเหลืออะไรได้บ้าง สุดท้ายก็ได้เอกสารรับรองว่าเคยเป็นนักกีฬาทีมชาติ และเป็นนักมวยอาชีพ เพราะใช้เป็นหลักฐานต่อสู้ในชั้นศาล”

หลังจากที่ต้องเขาสู่กระบวนการสู้คดี แน่นอนว่าสำหรับคนที่ไม่คุ้นชิน กับการใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ ย่อมเกิดภาวะตึงเครียดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้ “แม็ก” อัจฉริยะ ผ่านเรื่องราวเหล่านี้มาได้ ก็เพราะคำว่า “กำลังใจ” จากคนใกล้ชิดล้วนๆ

“ครอบครัวผมไปเยี่ยมบ่อยมาก บ่อยจนคนแถวนั้นคิดว่าภรรยาผมย้ายมาอยู่ที่ระนองแล้ว เขาต้องเดินทางไปกลับเป็นพันๆ กิโลเมตร รวมทั้งต้องเดินเรื่องทำเอกสารด้วย ตอนนั้นเราก็เป็นห่วงมาก เพราะถ้าเขาเกิดเป็นอะไรไป ผมต้องรู้สึกแย่แน่ๆ”

“ผมเป็นห่วงมากทั้งแม่ ภรรยา และลูกชาย แต่มารู้ทีหลังจากภรรยาว่า ที่ต้องเป็นแบบนี้เพราะเราไม่มีใครช่วยเหลือเลย”

“ตอนนั้นยอมรับเครียดมาก เครียดจนหูดับไปข้างหนึ่ง มีเลือดออกหู ทำให้ต้องกินยาเป็นประจำ ต้องพยายามปรับสภาพจิตใจให้ดีขึ้น เพราะตอนนั้นผมยังทำใจไม่ได้ ที่ต้องเป็นนักโทษ เพราะเราคือผู้บริสุทธิ์”

“ไม่มีหลักฐานชิ้นไหนเลยที่เชื่อมโยงได้ว่า ผมไปร่วมเป็นหนึ่งในขบวนการค้ายาเสพติด ผมกล้าพูดเลยว่า มีหลักฐานอะไรให้เอาออกมาเลย เอามาสู้กัน เพราะผมมั่นใจว่าตัวเองบริสุทธิ์ ซึ่งอีกฝั่งก็มีแค่เอกสารกับคำพูด และการแต่งเรื่องขึ้นมาเท่านั้น”

ความทุกข์ของสองผัวเมีย แม้จะให้กำลังใจกันได้ และจูงมือเดินหน้าทวงความยุติธรรมอย่างสุดชีวิต แต่สิ่งที่ทำให้อดห่วงไม่ได้คือ แก้วตาดวงใจวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ที่ยังไม่รู้ประสามากนัก และพยายามเข้าใกล้พ่อของเขาให้มากที่สุด ทุกครั้งที่เข้าไปเยี่ยมในเรือนจำ

“ตอนที่สู้คดีเราก็ให้กำลังใจเขาว่า ทั้งสองครอบครัวพยายามช่วยเหลือเต็มที่ สู้ไปด้วยกันจนถึงที่สุด ตอนนั้นเราเองก็ไม่ได้ทำงานเลย ต้องเดินเรื่องเอกสารหลายๆ ที่ ที่สำคัญคือเราพาลูกไปเจอพ่อด้วย ตอนนั้นลูกอายุแค่ 4 ขวบ” คู่ชีวิตของอดีตแชมป์ WBC เอเชีย ย้อนความหลัง

“ด้วยความที่ลูกเป็นเด็กและยังไม่รู้อะไร พอไปเจอกันในห้องเยี่ยมญาติ เขาก็พยายามมุดหา เดินหาประตูเพื่อที่จะเข้าไปหาพ่อเขาให้ได้ มันเป็นภาพที่เรารู้สึกสะเทือนใจมาก เราก็ได้แต่ปลอบลูกว่าพ่อไปทำงานนะ เวลาที่เราซื้อของเล่นอะไรมาก็จะบอกว่าพ่อซื้อมาให้ ก็จะทำให้เขาเข้าใจว่า พ่อไม่ได้หายไปไหน พ่อแค่ไปทำงานเท่านั้น อีกเดี๋ยวก็จะกลับมาหาเขาแล้ว”

หลังอดทนฟันฝ่า ผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายมาได้ ในที่สุด “แม็ก” อัจฉริยะ และครอบครัว ก็ได้กลับมาอยู่กันแบบพร้อมหน้าอีกครั้ง หลังศาลตัดสินให้เป็นผู้บริสุทธิ์ พร้อมกับเป้าหมายต่อไปคือ การเดินหน้าทวงความยุติธรรม เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรี และชื่อเสียงที่เคยเสียไป

“ตอนนี้อยากสู้คดีให้ถึงที่สุด เพราะถึงทุกวันนี้ยังไม่เห็นมีตำรวจคนไหนมาพูดอะไรถึงผมเลย ไม่เห็นมีใครออกมารับผิดชอบเลย อยากให้ทางตำรวจออกมาชี้แจง และรับผิดชอบกับชีวิตผม กับอนาคตที่เสียไปด้วย เพราะตอนนี้ผมเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว”

“ตอนแรกก็คิดว่า มันคงเป็นเรื่องความผิดพลาดด้านเอกสาร ที่ไปซื้อขายรถแบบโอนลอยในตอนนั้น และเป็นความซวยของผมด้วย แต่พอมาดูเอกสารหลักฐานทั้งหมดแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความซวยของผมเอง หรือเป็นเพราะความหละหลวมของตำรวจกันแน่” แม็ก กล่าวปิดท้ายแบบเซ็งๆ

ขณะที่ “น้องออย” ที่ยืนหยัดสู้เคียงข้างคนรักมาตั้งแต่ต้นจนประสบความสำเร็จ ชี้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ภาครัฐควรเข้ามาเยียวยาและชดเชยในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปตามกาลเวลา เหมือนที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้

“ก็อยากให้ตำรวจออกมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะจากหลักฐานและการเชื่อมโยงต่างๆ มันไม่แน่นหนาพอ ไม่เหมือนตอนที่จับเรา เขาทำเหมือนว่าคดียา 3 ล้านเม็ด มันเล็กน้อยเหมือนจับยาแค่ 3 เม็ด แต่สำหรับเรามันหนักหนามาก และเป็นเรื่องใหญ่มาก มันส่งผลถึงอนาคตของเราทั้งชีวิต”

“จากเรื่องนี้สอนอะไรหลายอย่างเลยในชีวิต อย่างแรกเลยคือ ต้องเพิ่มความรอบคอบในการทำธุรกรรมเอกสารต่างๆ ต้องละเอียดขึ้นกว่าเดิม ส่วนเรื่องที่สองคือ สัจธรรมชีวิต เพราะเราจะได้รู้ทันทีว่า ในช่วงที่ยากลำบาก ใครอยู่เคียงข้างเราบ้าง กำลังใจคือสิ่งสำคัญที่สุดเวลานั้น”.