หมวดแซม
ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 ทีมที่กำลังลุ้นแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกซีซันนี้กันอย่างเข้มข้น ต่างทำผลงานได้แตกต่างกันสุดขั้วในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา โดย “เรือใบสีฟ้า” บุกไปพ่ายต่อ สเปอร์ส ทีมจากพรีเมียร์ลีกด้วยกัน 0-1 ส่วน “หงส์แดง” เปิดรังไล่จิก ปอร์โต แบบนิ่มๆ 2-0
ศึกสายเลือดแห่งเมืองผู้ดีฉบับแชมเปียนส์ลีก เป็นการพบกันระหว่าง “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส ทีมอันดับ 3 พรีเมียร์ลีก เปิดรังใหม่ทอตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดียม ต้อนรับการมาเยือนของทีมรองจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอย่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้
เกมนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือสมองเพชรของแมนฯซิตี้ จัดทัพแบบแปลกๆ ทั้งที่ได้ เซร์คิโอ อเกวโร หัวหอกตัวเก่งชาวอาร์เจนไตน์ ฟิตหายเจ็บกลับมาประจำการในแดนหน้า แต่เขากลับส่ง ริยาด มาห์เรซ ลงมาทำเกมทางริมเส้นร่วมกับราฮีม สเตอร์ลิง
เพราะจะว่าไปแล้ว เป๊ปน่าจะส่ง ลีรอย ซาเน หรือ แบร์นาโด ซิลวา ลงมากระชากลากเลื้อยทางริมเส้นแทนมาห์เรซมากกว่า
เปิดฉากเริ่มเกมมาได้แค่ 12 นาที แมนฯซิตี้ ก็มาได้ลูกจุดโทษ จากจังหวะที่ แดนนี โรส ฟูลแบ็กสเปอร์ส ทำแฮนด์บอลในเขตโทษ ก่อนที่ผู้ตัดสินบียอร์น คุยเปอร์ส จะขอดูวีเออาร์ และตัดสินให้ลูกจุดโทษแก่ทีมเยือน
อย่างไรก็ตาม กุน อเกวโร มือปืนที่รับหน้าที่สังหาร ดันยิงไม่เข้า ซัดไปโดนฮูโก ยอริส นายทวารแชมป์โลกของสเปอร์ส เซฟไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นการเซฟจุดโทษหนที่ 3ของยอริสในปี2019 ทำให้”เรือใบสีฟ้า”ชวดได้ประตูขึ้นนำก่อนอย่างน่าเสียดาย
จังหวะนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสเปอร์ส ในเกมนี้เลยก็ว่าได้ เพราะโชคดีที่พวกเขาไม่เสียประตูก่อน
หลังจากนั้นก่อนหมดเวลา 12 นาที “ไก่เดือยทอง”ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จนได้ เมื่อ ซอน เฮืองมิน ตามไปเอาบอลที่ดูเหมือนจะออกเส้นหลังไปแล้ว ก่อนจะเลี้ยงหาช่องแล้วยิงด้วยซ้ายในเขตโทษ บอลพุ่งผ่าน เอแดร์สัน
ตุงตาข่าย และกลายเป็นประตูชัยให้สเปอร์สชนะแมนฯซิตี้ในที่สุด 1-0
แม้จะแพ้ไปก่อนในนัดแรก แต่แมนฯซิตี้ก็มียังมีโอกาสเข้ารอบ เพราะนัดที่2 พวกเขาจะได้กลับไปเล่นในถิ่นเอติฮัด สเตเดียมของตัวเอง โดยแมนฯซิตี้ต้องชนะให้ได้อย่างน้อย 2-0 ถึงจะพลิกสถานการณ์แซงเข้ารอบ
กลับมาดูที่ “หงส์แดง” กันบ้าง เป็นอันว่า ลิเวอร์พูล ไม่ทำให้แฟนบอลของพวกเขาต้องผิดหวัง หลังเปิดรังแอนฟิลด์ไล่ต้อนเอาชนะเอฟซี ปอร์โต ไปได้แบบไม่ยากเย็น 2-0 จากการทำประตูของนาบี เกอิตา และโรแบร์โต ฟีร์มิโน ในครึ่งแรก
ชัยชนะนัดนี้ ทำให้ “หงส์แดง”แหย่ขาเข้ารอบรองชนะเลิศไปแล้วหนึ่งข้าง นัดหน้าทีมของเจอร์เกน คลอปป์ ขอแค่บุกไปเสมอปอร์โตที่ดราเกา สเตเดียม ก็จะลอยลำเข้ารอบไปทันที
หลังจบเกมเจอร์เกน คลอปป์ กุนซือเลือดดอยท์ชของหงส์แดง ออกมากำชับลูกทีมว่ายังมีงานต้องทำในนัดที่2 “เรายังเหลืออะไรที่ต้องทำอีกเยอะ บรรยากาศที่ปอร์โตจะเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเรา แต่นี่เป็นผลการแข่งที่เราต้องการก่อนเกม ตอนนี้เราได้มันมาแล้ว และต้องนำมันมาใช้เป็นข้อได้เปรียบ”
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลจะประมาทปอร์โตไม่ได้เด็ดขาด เพราะทีมจากแดนฝอยทองทีมนี้เล่นในบ้านได้แข็งแกร่งมาก มีหลายทีมที่ต้องตกเป็นเหยื่อให้กับปอร์โตในการมาเยือนที่ดราเกา สเตเดียม
แต่มองแล้ว เชื่อว่า ลิเวอร์พูลน่าจะผ่านปอร์โตผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ไปรอเจอบาร์เซโลนาหรือแมนฯยู.
หมวดแซม