หมวดแซม
หลังจาก“ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ประกาศศักดาคว้าแชมป์เจ้ายุโรปสมัยที่ 13 มากที่สุดในประวัติศาสตร์ แถมยังเป็นแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน หลังเด็ดปีกเอาชนะ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ไปได้ขาดลอย 3-1 ในเกมแชมเปียนส์ลีกนัดชิงชนะเลิศที่เต็มไปด้วยดราม่า ก็เกิดประเด็นถกเถียงตามมาว่าเรอัล มาดริดเก่งจริงเหรอ หรือเทพีแห่งโชคไม่เข้าข้างลิเวอร์พูลกันแน่
แฟนหงส์แดงส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า ถ้าทีมรักของพวกเขาไม่โชคร้ายที่ดันต้องมาเสีย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกดาวซัลโวของทีม ไปอย่างรวดเร็วเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกม จากอาการเจ็บหนักที่หัวไหล่ซ้ายจนเล่นต่อไม่ไหว
เพราะถ้าปีกเลือดมัมมี่อยู่ในสนามนานกว่านี้ บางทีเกมอาจจะไม่จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของลิเวอร์พูลก็ได้
จังหวะที่ซาลาห์ปะทะกับเซร์คิโอ รามอส กัปตันทีมมาดริด กลายเป็นประเด็นดราม่า โดยจากภาพช้าจะเห็นว่าทั้งคู่เบียดแย่งบอลกัน ก่อนที่รามอสจะใช้แขนซ้ายล็อกแล้วกดตัวซาลาห์จนล้มคว่ำลงไป และกลายเป็นความซวยของซาลาห์ที่ล้มทับไหล่ตัวเอง
จังหวะนี้ดูเหมือนมวยปล้ำจริงๆ อย่างที่เจอร์เกน คลอปป์ บอกเลยครับ
ในมุมของผมคิดว่า รามอสไม่ได้จงใจทำร้ายซาลาห์ถึงขั้นเจ็บหนักจนเล่นต่อไม่ไหว แต่เป็นธรรมชาติของบรรดากองหลังที่ต้องใช้ลูกตุกติก มีเหนี่ยว มีดึงกองหน้ากันบ้าง แต่จังหวะนี้ต้องถือเป็นความซวยของซาลาห์อย่างแท้จริง
เกมนี้ซีเนอดีน ซีดาน กุนซือชาวฝรั่งเศสของเรอัล มาดริด จัดทีมเล่นระบบ 4-3-1-2 โดยวางอิสโกปั้นเกมรุกอยู่ข้างหลัง คริสเตียโน โรนัลโด และคาริม เบนเซมา ที่ยืนเป็นคู่กองหน้า ทำให้กาเร็ธ เบล ปีกซุปเปอร์สตาร์ทีมชาติเวลส์ ต้องหลุดไปนั่งเป็นตัวสำรองข้างสนาม
ส่วนเจอร์เกน คลอปป์ วางหมากให้หงส์แดงเล่นระบบ 4-3-3 เช่นเดิม โดยมีสามประสาน “เอสเอฟเอ็ม” โม ซาลาห์, โรแบร์โต ฟีร์มิโน และซาดิโอ มาเน ลงล่าตาข่ายอย่างพร้อมเพรียง
ช่วง 20 นาทีแรก ลิเวอร์พูลเล่นได้เหนือกว่าชัดเจน และมีโอกาสลุ้นประตูหลายครั้ง ขณะที่ทางฝั่งมาดริดไม่ผลีผลามบุก เล่นอย่างอดทนรอจังหวะ โดยฟูลแบ็กทั้งสองข้าง ทั้งมาร์เซโล และแดนนี คาร์บาฮาล ไม่เติมเกมรุกขึ้นสูง เน้นคุมพื้นที่ในแนวรับอย่างมีวินัย
แต่พอหงส์แดงไม่มีซาลาห์ มาดริดก็เดินเกมรุกเต็มสูบ อย่างไรก็ตาม การทำพลาดถึง 2 ครั้งในเกมนี้ของลอริส คาริอุส นายทวารหน้าหล่อ ก็ทำให้หงส์แดงต้องปีกหักหมดสภาพ
ความเฟอะฟะของคาริอุส ที่พยายามออกบอลเร็วโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ เลยโดนคาริม เบนเซมา แหย่ขาดักแล้วยิงเข้าประตูไป เป็นประตูนำ 1-0 ของมาดริด
ประตูนี้ต้องชมความขยันและความฉลาดของเบนเซมา ที่สำคัญจังหวะนี้ก็ไม่ได้เป็นการทำฟาวล์ผู้รักษาประตูแต่อย่างใด
จากนั้นคาริอุสก็พลาดอีกเป็นหนที่ 2 เมื่อพยายามรับลูกยิงไกลของกาเร็ธ เบล แต่เอาไม่อยู่ปล่อยบอลปลิ้นเข้าประตูไป ทั้งที่น่าจะทุบออกไปมากกว่า
ทันทีที่จบเกม คาริอุสถึงกับเอามือปิดหน้าร่ำไห้ เพราะรู้ตัวดีว่าเขาเป็นคนทำให้ทีมต้องพ่ายแพ้ในคืนนี้
อย่างไรก็ดี ต้องชมซีดานที่ตัดสินใจส่งกาเร็ธ เบล ลงสนามแทนอิสโก ในช่วงกลางครึ่งหลัง และเบลก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยการเหมายิงสองประตูสุดสวย ทั้งลูกจักรยานอากาศและลูกยิงไกลกว่า 25 หลา
เรอัล มาดริด คู่ควรกับการเป็นแชมป์แล้ว แต่ลิเวอร์พูลโชคร้ายที่ต้องแพ้อย่างน่าเจ็บใจแบบนี้.
หมวดแซม