โต้ บ้านแหลม
ฟุตบอลอังกฤษช่วงนี้ทุกฝ่ายจับตาไปที่เกมแชมเปียนส์ลีกระหว่างลิเวอร์พูลกับแมนฯ ซิตี้ และเกมดาร์บี้แมตช์ของทั้ง 2 ทีมที่ต้องลงเล่นในพรีเมียร์ลีกเมื่อวันเสาร์
แต่ลีกแชมเปียนชิพก็มีเรื่องราวน่าสนใจเช่นกัน “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน นำจ่าฝูง ไปเยือนคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ทีมอันดับ 2 ที่มีแต้มห่างกัน 6 แต้ม เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าวูล์ฟฯบุกไปคว้าชัย 1-0 โกยแต้มทิ้งห่างเป็น 9 คะแนน แต่เตะมากกว่าคาร์ดิฟฟ์ 1 นัด
พิจารณาตัวเลข ความเป็นไปได้ ในการที่คาร์ดิฟฟ์จะเบียดลุ้นแชมป์ ในช่วง 5-6 นัดสุดท้ายแล้ว กองเชียร์คาร์ดิฟฟ์คงเสียดายไม่น้อย เพราะเกมนี้ทีมของพวกเขามีโอกาสตีเสมอและแซงชนะ เมื่อได้จุดโทษช่วงทดเจ็บ 2 ครั้งซ้อนในนาที 92 และ 94 แต่นักเตะพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ ยิงไม่เข้าทั้ง 2 ลูก แพ้ไปอย่างเจ็บปวด
จบเกมกุนซือทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันอีก เมื่อนีล วอร์น็อก แมว 9 ชีวิตอีก 1 รายในแวดวงลูกหนังเมืองผู้ดีที่คุมทีมคาร์ดิฟฟ์ได้ลุ้นขึ้นพรีเมียร์ลีก เดินไปจับมือกับนูโน ซานโต กุนซือวูล์ฟฯ แต่ซานโตทำเมิน วิ่งไปฉลองชัยกับลูกทีมเสียอย่างนั้น
ซานโตเอ่ยปากขอโทษวอร์น็อกในภายหลัง แต่วอร์น็อกยืนกรานไม่ให้อภัยจวกซานโตว่า ทำตัวต่ำชั้น ไม่ให้เกียรติคู่แข่ง
ย้อนกลับไปเกมแชมเปียนส์ลีกกลางสัปดาห์ ที่ลิเวอร์พูลเปิดรังแอนฟิลด์ถล่มแมนฯซิตี้ 3-0 ด้วยฟอร์มการเล่นที่เหนือชั้นกว่า สำนักข่าวบีบีซีวิจารณ์ว่า นักเตะหงส์แดงเล่นเหมือนฝูงผึ้งที่เข้ารุมตอมเป้าหมาย ในจังหวะที่นักเตะเรือใบได้บอล จะถูกไล่แย่งกดดันตั้งแต่ในแดนตัวเอง เป็นสไตล์การเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเจอร์เกน คลอปป์
เมื่อมีการเปรียบเทียบแบบนี้ ทำให้ผมนึกถึงทีมชาติไทยยุค “ดรีมทีม” ที่ผมเคยคลุกคลีทำข่าวมา จำได้ดีว่า “บิ๊กหอย” ธวัชชัย สัจจกุล ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น “วนัสธนา” อดีตผู้จัดการทีมชาติผู้ปลุกปั้นดรีมทีม เคยบรรยายสไตล์การเล่นที่เขาพยายามนำมาใส่ทีมว่า “คิลเลอร์ บีส์” หรือผึ้งพิฆาต ซึ่งก็คือ การเข้ารุมแย่งบอลจากคู่ต่อสู้ไม่ให้มีเวลาปั้นเกมเหมือนสไตล์ของคลอปป์นั่นเอง
นัดนี้เป็นไปตามที่คลอปป์ประกาศไว้ก่อนแข่งทุกประการ เขาให้สัมภาษณ์ด้วยความมั่นใจว่า นักเตะเรือใบไม่ชอบเล่นกับลิเวอร์พูล เจอเกมเพรสซิ่งแล้วมีปัญหา เป็นบทเรียนสำคัญของเป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่นำทีมมาเยือนแอนฟิลด์ แพ้หมดรูปทั้ง 2 ครั้ง แม้จะแพ้แค่ 3-4 ในพรีเมียร์ลีก แต่ก็ถูกนำห่างถึง 4-1 และนัดนี้โดนยิง 3 ลูกภายในครึ่งแรก
เห็นแบบนี้แล้วคงต้องคืนความยุติธรรมให้โจเซ มูรินโญ กุนซือแมนฯยูบ้าง เพราะเขาถูกตำหนิอย่างหนักเมื่อนำทีมมาเยือนลิเวอร์พูลแล้วจอดรถบัส ตั้งรับอุตลุด แต่อย่าลืมว่า แมนฯซิตี้แพ้ลิเวอร์พูล 2 นัด แมนฯยูบุกมายันเสมอและกลับไปชนะที่โอลด์แทรฟเฟิร์ดได้
นั่นหมายความว่า มูรินโญทำการบ้านมาดี ไม่ประมาท รับสุดตัว มีผู้เล่นจับตายโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ต่างจากเป๊ปที่มั่นใจในเกมรุกของตัวเอง โดนเข้าไปแบบนี้ถึงกับช็อก หากยอมปรับเปลี่ยนมาเล่นแบบระมัดระวัง ตั้งใจยันเสมอหรือหากจะแพ้ก็ฉิวเฉียดแล้วค่อยกลับไปแก้มือที่เอติฮัดก็น่าจะมีความหวังในการเข้ารอบตัดเชือกมากกว่านี้
นัดล้างตาวันอังคารที่ 10 เม.ย. ที่หวังว่า จะเอาคืนถล่ม 5-0 เหมือนในพรีเมียร์ลีกคงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนัดนั้นหงส์แดงเหลือผู้เล่น 10 คน หลังจากซาดิโอ มาเน โดนไล่ออก ถ้าบุกเพลินเสียประตูให้ทีมเยือนยิ่งลำบากเข้าไปอีก ถ้าแก้มือไม่สำเร็จ ฤดูกาลหน้าเป๊ปคงต้องคิดใหม่เมื่อกับฝูงผึ้งพิฆาตอย่างลิเวอร์พูล.
โต้ บ้านแหลม