หน้าแรกแกลเลอรี่

ลาก่อน “คลอปป์”

มะระหวาน

20 พ.ค. 2567 05:16 น.

หลังจบเกมพรีเมียร์ลีกนัดสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาสิ่งหนึ่งที่จะเปลี่ยนไปจากบรรดาแฟนบอลอย่างพวกเราในฤดูกาลหน้าก็คือการหายไปของชายที่ชื่อ เจอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันของลิเวอร์พูล ที่จะคุมทัพ “หงส์แดง” ซีซันนี้เป็นซีซันสุดท้าย

ซึ่งเมื่อเปิดฉากฤดูกาลหน้าเป็นต้นมาเราไม่เห็นชายวัยกลางคนหัวสีทองหุ่นสมาร์ทยืนโหวกเหวกโวยวายคอยสั่งการข้างสนามยาม “หงส์แดง” ลงสนามอีกแล้ว บอกตรงๆ แค่นึกก็ใจหายแบบสุดๆแล้ว

เพราะคลอปป์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกุนซือที่มีเสน่ห์เสมอยามอยู่ข้างสนาม เพราะแกมีส่วนร่วมทุกโมเมนต์ของ “หงส์แดง” ไม่ว่าจะเป็นดีใจ หรือ ผิดหวัง เราจะเห็นแอ็กชันแกอยู่ข้างสนามตลอด 90 นาที

กุนซือวัย 56 ปี ได้ก้าวเข้ามาคุมทัพลิเวอร์พูล ในเดือนตุลาคมปี 2015 แทนที่ของเบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ ที่ไม่สามารถพา “หงส์แดง” กลับคืนฟอร์มได้ ซึ่งผ่านไป 8 นัด จมอยู่ในอันดับ 10 ของตาราง

เรียกได้ว่าเมื่อ คลอปป์ เข้ามานั้นก็ได้รีเซต “หงส์แดง” ใหม่ทั้งหมด แม้ว่าจะยังไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งออกมาได้โดยจบอันดับ 8 บนตารางพรีเมียร์ลีก แต่ทุกอย่างก็เป็นไปได้ดีขึ้นได้ทะลุเข้าชิงศึกยูโรปา ลีก แต่น่าเสียดายที่อกหักได้เพียงแค่รองแชมป์เท่านั้น

พอในฤดูกาล 2016-2017 คลอปป์ เริ่มบิลต์ทีมได้แบบใจหวังแม้ว่าจะยังไม่มีถ้วยแชมป์ติดมือแต่ก็ยังสามารถคว้าอันดับ 4 มาครองได้และกลับไปเล่นในถ้วยยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก อีกครั้ง

ถัดมาในฤดูกาล 2017-2018 “หงส์แดง” เริ่มกลับมาอีกครั้ง โดยไฮไลต์สำคัญของคลอปป์ ในฤดูกาลดังกล่าวก็คือการสร้าง 3 ประสานตัวฉกาจอย่างโมฮัมเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต ฟีร์มิโน และ ซาดิโอ มาเน ซึ่งสามารถทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้สำเร็จ แต่ก็ไปไม่ถึงดวงดาวเมื่อแพ้ให้กับเรอัล มาดริด

หลังจากปั้น 3 ประสานที่สั่นสะพรึงวงการลูกหนังอังกฤษและยุโรป ในฤดูกาล 2018-2019 ก็เป็นปีที่คลอปป์สามารถปั้น “หงส์แดง” ให้กลับมาเป็นยอดทีมอย่างเต็มตัว โดยสามารถไล่บี้แย่งชิงแชมป์พรีเมียร์ลีกกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้อย่างสนุก แม้จะจบแค่รองแชมป์เท่านั้น แต่กุนซือเลือดเบียร์ก็สามารถแก้ตัวด้วยการพาทีมเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้เป็นปีที่สองติดต่อกัน

และสุดท้ายสิ่งที่รอคอยมานานก็คือแชมป์แรกของคลอปป์ ในถิ่นแอนฟิลด์ ก็ทำได้สำเร็จพาทีมเถลิงแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก มาครองได้สำเร็จ โดยเอาชนะทอตแนม ฮอตสเปอร์ ไปได้ 2-0 ซิวแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 มาครองได้

แต่เหนือกว่าแชมป์ยุโรปก็คือถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกที่บรรดา “เดอะ ค็อป” เฝ้าใฝ่ฝันมานานเพราะไม่เคยได้สัมผัสมานานถึง 30 ปีแล้วจากความสำเร็จในศึก ชปล.แล้วทำเอาทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับ “หงส์แดง” ก็คิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่จะกลับไปยืนบนจุดสูงสุดของพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

ซึ่งคลอปป์ ก็ไม่ทำให้สาวก “เดอะ ค็อป” ทั่วทั้งโลกผิดหวังเมื่อสร้างผลงานมาสเตอร์พีซพา ลิเวอร์พูลเดินหน้าเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่องในลีกก่อนสุดท้ายจะพา “หงส์แดง” ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จและเป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 30 ปี

หลังจากนั้น คลอปป์ ก็ยังเดินหน้าคว้าแชมป์ได้อีก 3 รายการก็คือ คาราบาว คัพ 2 สมัย (ฤดูกาล 2021-2022 และ 2023-2024) และเอฟเอ คัพ (ฤดูกาล 2021-2022)

ตลอด 9 ปีที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีสุขบ้าง เศร้าบ้าง ผิดหวังบ้าง สมหวังบ้าง แต่คลอปป์ก็ไม่เคยย่อท้อที่จะทำสิ่งดีๆให้กับ “หงส์แดง” มาตลอดจนสาวก “เดอะ ค็อป” ทุกคนก็ยกให้กุนซือเลือดเบียร์กลายเป็นหนึ่งตำนานของลิเวอร์พูล เป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว

แม้ว่า คลอปป์ จะจากไป แต่เชื่อว่าชื่อของเขาและผลงานที่เขาสร้างไว้นั้นคงไม่มีทางหลุดออกจากหัวใจของบรรดา “เดอะ ค็อป” ได้อย่างแน่นอน!!

มะระหวาน

คลิกอ่านคอลัมน์ “ตะลุยฟุตบอลโลก” เพิ่มเติม