มะระหวาน
เป็นไปตามที่คิดไว้สำหรับเกมซุปเปอร์บิ๊กแมตช์ระหว่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จบลงด้วยการเสมอกันไป 1–1 แบบมีดราม่าในช่วงท้ายเกม
เกมนี้ทั้งสองทีมเปิดฉากแลกกันอย่างสนุก ลิเวอร์พูล แม้ว่าช่วงแรกจะไม่ได้ส่งตัวหลักลงครบ แต่ก็ยังสู้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้อย่างสนุกเรียกได้ว่าแลกกันช็อตต่อช็อต บอกได้เลยว่าแฟนบอลคนไหนได้เข้าไปชมแล้วคุ้มค่าจริงๆเพราะทั้งสองทีมปล่อยของกันแบบสุดๆ
ไม่ว่าจะเป็นดราม่าแรกข้างสนามของแมนฯ ซิตี้ เราได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นคือ เควิน เดอ บรอยน์ โดนเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 68 ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่พอใจอย่างหนักฟาดงวงฟาดงาจนทางเป๊ป กวาร์ดิโอลา ต้องเข้าไปอธิบายเหตุผลจนสงบลงได้
ส่วนดราม่า 2 เป็นของลิเวอร์พูล ที่อดได้ จุดโทษทั้งๆที่เฌเรมี โดกู ปีกทีมชาติฝรั่งเศส ของ “เรือใบสีฟ้า” ได้กระโดดเอาเท้ายันเข้าใส่ หน้าอกของอเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กองกลาง “หงส์แดง” แบบเต็มๆในกรอบเขตโทษ แต่จังหวะดังกล่าวเชิ้ตดำไม่เป่าให้เป็นจุดโทษ แต่ก็ไม่ยอมไปดูด้วยตาตัวเองทำเอาคลอปป์ถึงกับโมโหอยู่ข้างสนามเลยทีเดียว เพราะมองว่าจังหวะนี้ยังไงก็ฟาวล์
จากผลเสมอในเกมนี้ ทำให้ลิเวอร์พูลเก็บเพิ่มอีก 1 แต้มทำให้มี 64 คะแนนเท่ากับอาร์เซนอล แต่ลูกได้เสีย “เดอะ กันเนอร์ส” ดีกว่าบวก 46 ลูก ทำให้รั้งตำแหน่งจ่าฝูงต่อไป ขณะที่ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มี 63 คะแนนรั้งอันดับ 3 ของตาราง
ซึ่งสถานการณ์ในตอนนี้บอกได้เลยว่าการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกเข้มข้นแบบสุดๆ หากใครพลาดหัวตารางก็จะเปลี่ยนแปลงทันที ยกตัวอย่างในเกมล่าสุดที่ “หงส์แดง” พลาดทำได้แค่เสมอ ก็เลยต้องเสียท่าให้กับ “ไอ้ปืนใหญ่” จนได้
โดยนัดต่อไปเป็นคิวของอาร์เซนอลที่จะพลาดไม่ได้เพราะมีงานหนักต้องออกไปเยือน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันที่ 31 มี.ค.นี้ ขณะวันเดียวกันลิเวอร์พูล ลงเล่นในบ้านพบกับ “นกนางนวล” ไบรท์ตัน ซึ่งหาก “เดอะ กันเนอร์ส” พลาดทำได้แค่เสมอ ก็มีโอกาสเสียจ่าฝูงให้กับ “หงส์แดง”
ขณะเดียวกันหาก “เรือใบสีฟ้า” ทุบ อาร์เซนอลได้แล้วลิเวอร์พูลทำได้แค่เสมอหรือแพ้ก็จะทำให้แมนฯ ซิตี้ พลิกขึ้นไปนำจ่าฝูงแทนทันที
เรียกได้ว่าตอนนี้การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกต้องมองกันแบบช็อตต่อช็อต นัดต่อนัดกันเลยทีเดียว เพราะหากทีมไหนพลาดก็จะโดนทีมอื่นพร้อมเสียบขึ้นไปรั้งจ่าฝูงแทนทันที
ตอนนี้บอกได้เลยว่า อาร์เซนอลที่รั้งจ่าฝูงอยู่ในตอนนี้คือได้เปรียบมากที่สุดเพราะมีสกอร์ตุนอยู่มากโข ตอนนี้ “ไอ้ปืนใหญ่” มีลูกได้เสียบวกอยู่ 46 ประตู ขณะที่ลิเวอร์พูล +39 และ แมนฯ ซิตี้ +35 ทำให้ลูกทีมของมิเกล อาร์เตตา กำความได้เปรียบอยู่พอสมควร
ชั่วโมงนี้ “ไอ้ปืนใหญ่” กำลังท็อปฟอร์มเก็บชัยชนะในลีกมา 8 นัดติดต่อกัน โดยนับตั้งแต่เริ่มปี 2024 เก็บชัยชนะรวดเลยทีเดียว แถมยังยิงแบบโหดสุดๆเอาชนะคู่ต่อสู้ 6-0 ได้ ถึง 2 เกม และ 5-0 ได้ 2 เกมเช่นกัน แถมยังยิงคู่ต่อสู้ 4-1 และ 3-1 ได้บ่อยครั้งอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม อาร์เซนอลจะเจอกับอุปสรรคชิ้นโตอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงสิ้นเดือนนี้บอกได้เลยว่าจะเป็นบทพิสูจน์ของ “เดอะ กันเนอร์ส” ว่าของจริงหรือไม่ เช่นเดียวกับผู้ไล่ล่า ลิเวอร์พูลกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ต้องทำเต็มที่ห้ามพลาดเช่นกัน
บอกได้เลยว่าการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกปีนี้มันเดือดจริงๆ.
มะระหวาน