มะระหวาน
หากถามว่าทีมไหนที่แกร่งที่สุดในพรีเมียร์ลีกตอนนี้หลายคนก็บอกว่าเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัยติดต่อกันแม้ว่าตอนนี้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะขึ้นนำเป็นจ่าฝูงอยู่ก็ตาม
แม้ว่า “เรือใบสีฟ้า” จะฟอร์มขึ้นๆลงๆ ในช่วงที่ผ่านมา หล่นไปรั้งอันดับ 5 อยู่ในช่วงหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครตัดชื่อของแมนฯ ซิตี้ ทิ้งจากการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ก่อนล่าสุดซิตี้จะกลับมาขึ้นรั้งรองจ่าฝูงแล้ว
ส่วนหนึ่งที่ทำให้แมนฯ ซิตี้ ฟอร์มขาดความสม่ำเสมอก็คือการหายไปของเควิน เดอ บรอยน์ กองกลางทีมชาติเบลเยียม กัปตันทีม “เรือใบสีฟ้า” ที่ได้รับบาดเจ็บหนักตั้งแต่ต้นฤดูกาลทำให้ต้องพักยาวไปกว่า 5 เดือนด้วยกัน
การหายไปของ “เคดีบี” นั้นทำให้จังหวะการเข้าทำของแมนฯ ซิตี้ ดร็อปลงไปพอสมควร โดยเฉพาะจังหวะจ่ายบอลคิลเลอร์พาสสวยๆให้แนวรุกเข้าไปทำประตูนั้นแทบจะหายไปเลย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นจังหวะเปิดจากด้านข้างหรือเลี้ยงกินตัวทะลุทะลวงไปในกรอบเขตโทษ
นอกจากนั้นการหายไปของเดอ บรอยน์ นอกจากจะทำให้รูปเกมของแมนฯ ซิตี้ แผ่วลง ก็ยังทำให้ความมั่นใจของเพื่อนร่วมทีมลดน้อยลงไปด้วย เพราะเชื่อว่าผู้เล่นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คงอยากให้มี “เคดีบี” อยู่ในทีมตลอด เพราะอย่างน้อยก็เป็นขวัญกำลังใจของทีมไปด้วย
ในเคสนี้คล้ายๆกับลิเวอร์พูลที่ต้องมีโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าทีมชาติอียิปต์ อยู่ในทีมจะให้ความรู้สึกอุ่นใจมากกว่า เพราะถ้ายิงไม่ได้หรือฟอร์มแนวรุกตื้อๆ ส่งมาให้ซาลาห์ เดี๋ยวกองหน้าวัย 30 ปี รับจบเอง สุดท้ายก็ยิงพาทีมเก็บชัยชนะมานักต่อนักแล้ว
ซึ่ง “เคดีบี” ก็เช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาหาก “เรือใบสีฟ้า” มีจังหวะสร้างสรรค์เกมรุกมันตีบตันจนไม่รู้ว่าจะเจาะคู่ต่อสู้ที่วางแผนมาเน้นรับเข้าได้อย่างไร ถ้ากองกลางทีมชาติเบลเยียมอยู่ในสนามเดี๋ยวเขาก็งัดช็อตมหัศจรรย์ออกมาจนพาทีมคว้าชัยชนะไปได้ในท้ายที่สุด
และล่าสุดเจ้าตัวก็ทำแบบนี้ได้ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะนิวคาสเซิล ไปได้ 3-2 โดย “เคดีบี” ถูกส่งลงสนามไป ตอนที่ “เรือใบสีฟ้า” ตามหลัง “สาลิกา” อยู่ 1-2
แม้กองกลางวัย 32 ปี ก้าวลงสนามไปก็เหมือนเป็นพลังแฝงของแข้ง “เรือใบสีฟ้า” กลับมามีความคึกคักมีชีวิตชีวาเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่เจ้าตัวจะยิงประตูให้ซิตี้ตามตีเสมอนิวคาสเซิล 2-2
หลังจากตีเสมอได้ “เรือใบสีฟ้า” ก็เดินหน้าหวังที่จะยิงประตูชัยให้ได้ แต่ก็หาทางเจาะแนวรับของนิวคาสเซิลเข้าไปพังประตูไม่ได้จนเกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยการแบ่งแต้มกันไป
แต่สุดท้ายก็เป็นทางเดอ บรอยน์ ที่จ่ายบอลสุดสวยให้ออสการ์ บ็อบบ์ ดาวรุ่งชาวนอร์เวย์ หลุดเข้าไปยิงประตูชัยให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะไปได้ 3-2 จนพาขยับขึ้นมารั้งรองจ่าฝูงได้สำเร็จตอนนี้ตามหลังลิเวอร์พูลอยู่ 2 แต้มเท่านั้น
เชื่อว่าการที่อีก 19 ทีมในพรีเมียร์ลีก หรือบรรดาทีมที่มีลุ้นแชมป์อย่างลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล หรือแอสตัน วิลลา เห็นจังหวะที่เดอ บรอยน์ จ่ายบอลต้องร้อนๆหนาวๆกันเป็นแถบๆ
นั่นหมายความว่าตอนนี้ “เรือใบสีฟ้า” เตรียมตัวจะกลับมาเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมเดิมที่พร้อมจะไล่ล่าทวงจ่าฝูงคืนจากลิเวอร์พูลแล้ว
“เคดีบี” เพิ่งกลับมาลงเล่นเป็นตัวสำรอง 2 นัด ลงเล่นไปเพียงแค่ 54 นาที แต่ก็สร้างผลงานได้อย่างสุดยอด ยิงไป 1 ประตูและทำไปอีก 2 แอสซิสต์
เรียกได้ว่าการกลับมาของเดอ บรอยน์ ครั้งนี้สร้างความสั่นสะท้านกันทั้งลีก โดยเฉพาะ ลิเวอร์พูล ที่หลังจากนี้จะพลาดไม่ได้อีกแล้ว เพราะว่า “เรือใบสีฟ้า” ของจริงกลับมาแล้ว.
มะระหวาน
คลิกอ่านคอลัมน์ “ตะลุยฟุตบอลโลก” เพิ่มเติม