มะระหวาน
กลายเป็นข่าวร้ายสำหรับสาวกทอฟฟี่เมนหลังจากทีมรักอย่าง “ทอฟฟี่” เอฟเวอร์ตัน ได้ถูกทางพรีเมียร์ลีกหัก 10 คะแนน หลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานละเมิดกฎการเงิน ไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์
ตามกฎของพรีเมียร์ลีกได้ระบุเอาไว้ว่าทีมจากพรีเมียร์ลีกนั้นจะสามารถขาดทุนสะสม 3 ปีห้ามเกิน 105 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,625 ล้านบาท) แต่ทางเอฟเวอร์ตันได้มีปัญหาขาดทุนอย่างหนักโดย 3 ซีซันที่ผ่านมาขาดทุน 371.8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 16,359 ล้านบาท)
จากตัวเลขดังกล่าวทำให้เอฟเวอร์ตันทำผิดกฎของพรีเมียร์ลีกอย่างเลี่ยงไม่ได้แม้ว่าตลอด 3 ปีที่ผ่านมา “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” กับอีกหลายทีมของลีกโดนปัญหาการระบาดโควิด-19 เล่นงานอย่างหนักทำให้ตัวเลขรายได้ลดลงไปใน 1-2 ปีเกือบทุกทีม แต่มันก็ขึ้นอยู่กับการบริหารงานของสโมสรว่าจะเอาตัวรอดยังไง ซึ่ง 19 ทีมก็ผ่านไปได้
สำหรับเอฟเวอร์ตันนั้นได้มีรายงานจากคณะกรรมการอิสระที่สืบสวนว่าทาง “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ได้บริหารผิดพลาดหลายอย่างทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นค่าฉีกสัญญาของผู้จัดการทีมที่ปลดทั้งมาร์โก ซิลวา, คาร์โล อันเชลอตติ และราฟาเอล เบนิเตซ ทำให้ต้องจ่ายค่าชดเชยจำนวนมหาศาล
นอกจากนั้นก็ยังมีการซื้อขายนักเตะที่ผิดพลาดดึงนักเตะเข้ามาเสริมทัพแต่ใช้งานไม่ได้แถมยังขายทิ้งแบบไม่ได้ราคา เช่นเดียวกับบางคนดึงฟรีมาแต่ก็ต้องจ่ายค่าเหนื่อยแพงอีกต่างหาก
เท่านั้นไม่พอ เอฟเวอร์ตันยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัดนอกจากโดนโควิด-19 เล่นงาน สปอนเซอร์ที่สนับสนุนอย่าง USM เจ้าของเครือข่ายมือถือและเจ้าของสมาร์ทโฟนยี่ห้อดังจากรัสเซียโดนแบน หลังเกิดปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน
การที่เอฟเวอร์ตันโดนตัด 10 คะแนน ทำให้สโมสรที่มี 14 แต้มเหลือแค่ 4 คะแนนเท่านั้นพร้อมหล่นลงมารั้งอันดับ 19 ของตาราง แต่ก็ยังโชคดีที่ในปีนี้ทีมท้ายตารางยังทำคะแนนไม่ได้เยอะ ตอนนี้ “ทอฟฟี่” ตามหลังอันดับ 17 ลูตัน ทาวน์ ที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยอยู่เพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้น
และเมื่อดูจากฟอร์มล่าสุด ฌอน ไดซ์ สามารถ ปั้นเอฟเวอร์ตันเก็บชัยชนะติดกันมาแล้ว เชื่อว่าถ้าปลุกใจกันได้ดีไม่เสียขวัญน่าจะทำให้ผ่านไปได้ นอกจากนั้นขุมกำลัง “ทอฟฟี่” ก็ยังดูดีกว่าโซนท้ายตารางด้วยกันทั้งหมด แถมประสบการณ์หนีการตกชั้นที่ผ่านมาก็ทำให้เขารู้ว่าจะทำให้รอดยังไง จึงเชื่อว่าน่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้ในท้ายที่สุด
นับตั้งแต่ปรับเปลี่ยนชื่อมาเป็นพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ปี 1993-1994 เป็นต้นมาเพิ่งมีเหตุการณ์โดนตัดแต้มไป 2 ครั้ง ในปี 1996 มิดเดิลสโบรช์โดนตัด 3 แต้มหลังไม่ยอมแข่งกับแบล็คเบิร์น และปี 2010 พอร์ตสมัธโดนตัด 9 แต้ม หลังมีปัญหาติดหนี้ไม่สามารถจ่ายเงินธนาคารได้ตามกำหนด
ซึ่งถ้ามองแล้วเคสของเอฟเวอร์ตัน แม้ว่าจะขาดทุนเกินก็จริง แต่ก็ยังไม่เลวร้ายเท่ากับพอร์ตสมัธ เพราะไม่ได้ติดหนี้ธนาคารและจ่ายเงินค่าจ้างตรงเวลา
เช่นเดียวกับเคสของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำผิดกฎถึง 115 ข้อจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ถูกลงโทษ ยังลงเตะได้ตามปกติ เช่นเดียวกับเชลซี ก็ยังมีการใช้จ่ายนอกเหนือจากการลงบัญชีไว้หลายครั้งในยุคที่อบราโมวิชยังเป็นเจ้าของทีม ซึ่งทั้งสองเคสไม่มีการสืบสวนต่อ
เอาเข้าจริงๆ จาก 2 เคสของ “เรือใบ” และ “สิงห์บลู” มันหนักหนาสาหัสกว่าเอฟเวอร์ตันหลายเท่า แต่กลับกลายเป็นทีมดังจากย่านเมอร์ซีไซด์โดนเล่นงานอยู่ทีมเดียว
จะบอกว่ามันเป็นการตัดสินแบบ 2 มาตรฐานก็ว่าได้ แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจากเคสของเอฟเวอร์ตัน ที่ออกมาแบบนี้ผู้เกี่ยวข้องก็ต้องหันมาสนใจเรื่องของแมนฯ ซิตี้ กับเชลซี บ้างแล้ว จะปล่อยผ่านไปแบบนี้ไม่ได้
หรือการลงโทษเอฟเวอร์ตันจะเป็นปฐมบทที่จะทำให้พรีเมียร์ลีกเดินหน้าเอาจริง หากใครทำผิดกฎการเงินต่อไปก็ร้อนๆหนาวๆกันแล้วต้องระวังตัวให้ดี
หากผิดเมื่อไรก็พร้อมจะโดนตัดแต้มทันที!
มะระหวาน
คลิกอ่านคอลัมน์ “ตะลุยฟุตบอลโลก” เพิ่มเติม