หน้าแรกแกลเลอรี่

ห่วงครอบครัว "ยาร์โมเลนโก" เผยกังวลเหตุรัสเซีย-ยูเครน ก่อนยิงนำชัยเวสต์แฮม (คลิป)

ไทยรัฐออนไลน์

14 มี.ค. 2565 09:02 น.

ดาวเตะยูเครนเผยเหตุที่เขาหายไปจากทีม หลังรัสเซียทำสงครามโจมตีบ้านเกิด ก่อนเป็นตัวสำรองพลิกเกมให้ เวสต์แฮม คว้าชัยพรีเมียร์ลีก

วันที่ 14 มี.ค. 65 ควันหลงฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่ง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เปิดบ้านเฉือนชนะ แอสตัน วิลลา 2-1 ทำให้ "ขุนค้อน" เก็บเพิ่มเป็น 48 คะแนน จาก 29 นัด รั้งอันดับ 6 รักษาโอกาสลุ้นท็อปโฟร์ แย่งชิงโควตายูฟ่า แชมเปียนส์ลีก กับ อาร์เซนอล อันดับ 4 ที่มี 51 แต้ม จาก 26 เกม และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันดับ 5 ที่มี 50 คะแนน จากการลงเตะเท่ากัน

เกมนี้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้ อังเดร ยาร์โมเลนโก กองหน้าทีมชาติยูเครน กลับมาช่วยทีมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ รัสเซีย เปิดฉากทำสงครามโจมตีบ้านเกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ซึ่งดาวเตะวัย 32 ปี ก็ไม่ทำให้กุนซือเดวิด มอยส์ ต้องผิดหวัง เมื่อลงมาเป็นตัวสำรองแทน มิคาอิล อันโตนิโอ ในนาทีที่ 52 ก่อนโชว์ทักษะจับบอลแล้วพลิกตัวยิงในเขตโทษเข้าไปอย่างสวยงาม เป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 70 ก่อนจบเกมด้วยการเอาชนะ แอสตัน วิลลา 2-1

หลังจบเกม อังเดร ยาร์โมเลนโก เผยความรู้สึกหลังเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน และสาเหตุที่หายไปจากทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด นานกว่า 2 สัปดาห์ว่า "ผมรู้สึกสะเทือนใจมากจากสถานการณ์ในประเทศบ้านเกิด ตอนนี้มันยากสำหรับผมที่จะนึกถึงฟุตบอล เพราะกองทัพรัสเซียกำลังเข่นฆ่าชาวยูเครนในทุกๆ วัน"

"ผมแค่อยากจะบอกว่า ขอขอบคุณเพื่อนร่วมทีมที่สนับสนุนผมตลอดเวลาในทุกๆ วัน สำหรับแฟนบอลเวสต์แฮม รวมถึงชาวอังกฤษทุกคน พวกเขาสนับสนุนทั้งผมและชาวยูเครนด้วย เรารู้สึกได้ถึงสิ่งนั้น และผมก็พยายามทุ่มเททุกอย่างในสนาม เพราะผมรู้ว่าเกมในวันนี้สำคัญสำหรับเรามากแค่ไหน"

"ผมยอมรับว่าตัวเองยังไม่พร้อมเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้ลงฝึกซ้อมแค่ 3-4 ครั้ง นับตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ผมต้องพักถึง 4 วัน เพราะไม่สามารถลงซ้อมได้จริงๆ ผมแค่คิดถึงครอบครัวและเพื่อนร่วมชาติที่กำลังตกอยู่ในความลำบาก วันนี้ผมแค่ต้องการพยายามทุ่มเททุกอย่างในสนาม"

ล่าสุด เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด เปิดเผยว่า เวลานี้ครอบครัวของ อังเดร ยาร์โมเลนโก ได้อพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว จึงตัดสินใจให้ดาวเตะทีมชาติยูเครนกลับมามีชื่อเป็นตัวสำรอง ก่อนกลายเป็นทีเด็ดช่วยจุดประกายชัยชนะให้กับ "ขุนค้อน" และยังมีลุ้นแย่งตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก กับ อาร์เซนอล และ แมนยูฯ.