ไทยรัฐออนไลน์
จอมทัพเดนมาร์ก เปิดใจหลังกลับมาลงเล่นระดับอาชีพครบ 90 นาทีในรอบ 9 เดือน พร้อมจัด 3 สถิติโหดในเกมพรีเมียร์ลีก ชนะ นอริช ซิตี้
วันที่ 6 มี.ค. 65 ควันหลงฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่ง นอริช ซิตี้ เปิดบ้านแพ้ เบรนท์ฟอร์ด 1-3 ทำให้ "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" ยังรั้งอันดับสุดท้าย มีเพียง 17 คะแนน จาก 27 นัด ห่างจากโซนรอดตกชั้น 5 แต้มเท่าเดิม ส่วน "เดอะ บีส์" มีเพิ่มเป็น 27 คะแนน อยู่อันดับ 15
เกมนี้ คริสเตียน อีริคเซน ได้ลงสนามเป็น 11 ตัวจริงให้ เบรนท์ฟอร์ด ครั้งแรก นับตั้งแต่เซ็นสัญญาระยะสั้น 6 เดือนจนจบฤดูกาลนี้ ในวันสุดท้ายก่อนปิดตลาดนักเตะเดือนมกราคม หลังจากต้องยกเลิกสัญญากับ อินเตอร์ มิลาน ทีมดังในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้ผู้เล่นที่ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ ลงเล่นฟุตบอลอาชีพในแดนมักกะโรนี
ก่อนหน้านี้ ดาวเตะวัย 30 ปี เกือบต้องปิดฉากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ หลังจากมีอาการหัวใจวายจนวูบหมดสติในสนามระหว่างศึกยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก กลุ่มบี เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ปีที่แล้ว ซึ่งทีมชาติเดนมาร์กของเขา แพ้ฟินแลนด์ 0-1 แต่หลังจากใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจแล้ว ก็สามารถกลับมาลงฝึกซ้อมและเล่นฟุตบอลได้อีกครั้ง ก่อนที่ เบรนท์ฟอร์ด ซึ่งมี โธมัส แฟรงค์ โค้ชชาวเดนมาร์กเป็นผู้จัดการทีม ได้ให้โอกาสกลับมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก
ซึ่งนัดล่าสุด คริสเตียน อีริคเซน ที่ลงเล่นเกมที่ 2 ในสีเสื้อเบรนท์ฟอร์ด ก็ไม่ทำให้ โธมัส แฟรงค์ ต้องผิดหวัง เมื่อเป็นคนเปิดลูกเตะมุมที่นำมาสู่ประตู 1-0 และยังสัมผัสบอลถึง 67 ครั้ง, จ่ายบอล 46 ครั้ง และผ่านบอลสำเร็จ 38 ครั้ง โดยทั้ง 3 สถิติถือเป็นจำนวนที่มากที่สุดในบรรดาผู้เล่นทุกคนของ เบรนท์ฟอร์ด ในเกมนี้
หลังจบเกม อีริคเซน ที่กลับมาลงเล่นเต็มเกมครั้งแรกในรอบ 9 เดือน ให้สัมภาษณ์ว่า "ผมมีความสุขมาก ผมดีใจที่ได้กลับมาลงเล่นครบ 90 นาทีอีกครั้ง มันไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ผมก็ผ่านมาได้ด้วยดี โธมัส แฟรงค์ ถามผมเมื่อเช้านี้ว่าผมโอเคไหมถ้าจะลงเล่นเต็ม 90 นาที ซึ่งผมก็ตอบไปว่าไม่มีปัญหา มันเริ่มง่ายขึ้นในทุกๆ วัน และการเล่นเต็มเกมก็ช่วยผมอย่างเห็นได้ชัด"
"สำหรับผม มันเป็นเรื่องของการกลับมาฟิตสมบูรณ์และสามารถเล่นฟุตบอลในระดับสูงสุดได้อีกครั้ง แล้วมาดูกันว่าผมจะไปได้ไกลแค่ไหน เห็นได้ชัดว่าผมมาที่นี่เพื่อช่วย เบรนท์ฟอร์ด ให้รอดพ้นจากการตกชั้น และนำอาชีพนักฟุตบอลของผมให้กลับมาสู่เส้นทางเดิม ผมจะไม่พูดว่านี่คือบทใหม่ของชีวิต มันเป็นแค่ชีวิตเดิมของผมที่ยังดำเนินต่อไป ขอบคุณทุกคนและครอบครัวที่คอยอยู่เคียงข้างและสนับสนุนผม ผมดีใจที่ได้มาอยู่ที่นี่"