ไทยรัฐออนไลน์
คุณพ่อ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ เล่าความรู้สึกที่เห็นลูกชายทำประตูแรกในสีเสื้อลิเวอร์พูล พร้อมเผยสิ่งที่กังวลหลังเห็นบอลตุงตาข่าย
วันที่ 9 ก.พ. 65 สกอตต์ เอลเลียตต์ คุณพ่อของ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 18 ปี ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับช่องยูทูบ KENN7 OFFICIAL YouTube Channel หลังจากได้เห็นลูกชายทำประตูแรกในสีเสื้อลิเวอร์พูล ในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 4 ซึ่งรองจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดบ้านชนะ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ทีมอันดับ 20 ในศึกแชมเปียนชิพ 3-1 ผ่านเข้าสู่รอบ 5 ไปพบ นอริช ซิตี้ ทีมอันดับ 17 ของพรีเมียร์ลีก
ทั้งนี้ สกอตต์ เอลเลียตต์ กลายเป็นกระแสไวรัลบนโลกโซเชียลในเมืองผู้ดี หลังจากมีการแชร์คลิปวินาทีประทับใจ ซึ่งเขาที่เข้าไปชมเกมในสนามแอนฟิลด์ เก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่ที่เห็นลูกชายทำประตูแรกให้กับ "หงส์แดง" ได้สำเร็จ ตั้งแต่เกมแรกที่กลับมาลงสนามได้ หลังหายเจ็บข้อเท้าหักจนต้องพักนาน 5 เดือน
จังหวะดังกล่าว ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองแทน นาบี เกอิตา ในนาทีที่ 58 พักบอลลงจากการเปิดของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ก่อนแต่งหาช่องแล้วซัดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างเด็ดขาด
ด้าน สกอตต์ เอลเลียตต์ เล่าถึงประตูแห่งความทรงจำของลูกชายและครอบครัวว่า "นี่คือสิ่งที่เราใฝ่ฝันมาตลอด และผมมั่นใจว่า ฮาร์วีย์ เองก็เช่นกัน ตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็กมาก เขาซ้อมในสวนด้วยตัวเองก่อนเข้าสู่อะคาเดมี เขาเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูลมาตลอด และคุณลองนึกภาพดูสิว่าการยิงประตูต่อหน้า เดอะ ค็อป มันจะยอดเยี่ยมขนาดไหน"
"เขามีโอกาสเพียงหนึ่งในหลายล้านที่จะไปถึงความฝันนั้น มันยากที่จะบรรยายความรู้สึกที่แท้จริงออกมาเป็นคำพูด เพราะมันมีอุปสรรคเล็กน้อย แต่มันก็เกิดขึ้นเร็วมาก และสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นสัญชาตญาณ คุณคงคิดไม่ถึงว่าโอกาสของคุณจะมาตอนไหน มันคือจังหวะที่เป็นใจ รวมถึงการใช้เทคนิคเข้ามาประกอบด้วย"
"เมื่อเขาขยับเข้าไปอยู่หน้าประตู ผมเห็นลูกบอลลอยเข้ามา และเมื่อกองหลังลื่นแล้วเขาคอนโทรลบอลได้ นั่นคือสัมผัสแรกที่ยอดเยี่ยม จากนั้นเขาก็หาจังหวะเอี้ยวตัวแล้วซัด ก่อนที่ลูกบอลจะพุ่งเข้าสู่ก้นตาข่าย"
"ปฏิกิริยาแรกของผมในวินาทีนั้น คือ การมองไปที่ผู้ช่วยผู้ตัดสิน เพื่อดูว่าเขายกธงล้ำหน้าหรือไม่ และโชคดีที่ไม่มีธงยกขึ้นมา คุณสามารถเห็นความมุ่งมั่นบนใบหน้าของเขาได้ แม้มองดูจากที่นั่งบนอัฒจันทร์ที่เรานั่งอยู่ และคุณจะเห็นว่าประตูนี้มีความหมายกับเขามากแค่ไหน และเขารู้สึกอย่างไร นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึกบนอัฒจันทร์ คนทั่วไปคงไม่รู้ว่าช่วงเวลา 5 เดือนที่ผ่านมามันลำบากแค่ไหน".