ไทยรัฐออนไลน์
หลังจากที่ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ประกาศแขวนสตั๊ดในสีเสื้อ "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2007 พร้อมฝากผลงาน 126 ประตู จากการลงสนาม 366 นัด รวมถึงประตูชัยในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่เอาชนะ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิก เมื่อปี 1999 ไว้ให้แฟนบอลได้นึกถึง หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้เริ่มต้นบทบาทใหม่ในเส้นทางสายลูกหนังต่อแทบจะทันทีด้วยบทบาทโค้ช
ทีมแรกที่ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ มีโอกาสได้ชิมลางฝึกปรือฝีมือกุมบังเหียนข้างสนามก็ไม่ใช่ทีมไหนอื่น แต่เป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ชุดสำรอง) ผ่านการคว้าแชมป์ แลงคาเชียร์ ซีเนียร์ คัพ 2 ครั้ง, พรีเมียร์ รีเซิร์ฟ ลีก นอร์ธ 1 ครั้ง และ พรีเมียร์ รีเซิร์ฟ ลีก นอร์ธ 1 ครั้ง อาจพอถือได้ว่ามีผลงานที่ดีประมาณนึงสำหรับการเริ่มต้น แม้จะเป็นเพียงแค่ถ้วยแชมป์ในทีมชุดสำรองที่ไม่ได้มีความหมายอะไรมากมาย
เมื่อพอมีผลงานก็ไปคุมทีม โมลด์ ในลีกบ้านเกิด ก่อนคว้าแชมป์ ทิปเปลิเกน แชมป์ลีกสูงสุด 1 สมัย ซึ่งถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์พาสโมสรแห่งนี้คว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 100 ปี และฟุตบอลถ้วยอย่าง นอร์วีเจียน ฟุตบอล คัพ 1 สมัย แต่มีผลงานชิ้นโบดำด้วยการพา "นกพิราบสีน้ำเงิน" คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ทีมในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตกชั้นไปสู่ลีกรอง
กระทั่งวันที่ 19 ธันวาคม 2018 นี่คือหนึ่งในวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ เมื่อตัวเขาได้รับการทาบทามจาก "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ไปคุมทีมชั่วคราวแทนที่ โชเซ มูรินโญ กุนซือชื่อดังชาวโปรตุเกส ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง และแน่นอนว่าเจ้าตัวตอบตกลงรับงานชิ้นนี้ไปแบบไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ
ช่วงแรกที่คุมทีมแบบชั่วคราว โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ นำทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อพาทีมพุ่งชนชัยชนะได้ถึง 14 จาก 19 นัดแรกที่เหลือ หลุดเสมอ 2 และแพ้เพียงแค่ 3 นัด โดยยิงได้ 40 ประตู และ 17 ประตู สร้างสถิติเป็นผู้จัดการทีมคนแรกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ออกสตาร์ตคุมทีมชนะ 6 นัดติดต่อกัน
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสถิติอย่าง เป็นทีมที่เก็บแต้มได้มากที่สุดจากการคุมทีม 10 นัดแรกของสโมสร, พาทีมชนะเกมเยือน 8 นัดติดต่อกันในทุกรายการได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร, นำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมแรกที่ผ่านเข้ารอบต่อไปในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก หลังจากแพ้นัดแรกด้วยผลต่างถึง 2 ประตู คล้อยหลังไม่นานนัก ตัวเขาก็ได้รับสัญญาถาวร เป็นระยะเวลา 3 ปี ด้วยค่าเหนื่อย 7.5 ล้านปอนด์ต่อปี เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ปี 2019
ทว่าหลังจากได้รับสัญญาถาวร ผลงานกลับน่าผิดหวัง เมื่อนับจาก 21 เกมที่ได้สัญญาถาวร ทีมสามารถกำชัยเหนือคู่แข่งได้เพียงแค่ 6 นัด เสมออีก 6 เกม และแพ้ถึง 9 แมตช์เลยทีเดียว แต่กระนั้นช่วงที่กดดันมากๆ ทีมจะกลับมาทำผลงานได้ดีเสมอ จนได้รับการขนานนามจากโลกโซเชียลว่า "หลูบนรกของโอเล่"
แม้ตอนนั้นผลงานจะกระท่อนกระแท่น แต่เขายังคงได้รับการหนุนหลังสร้างทีมมาอย่างเต็มที่ จะเห็นได้ว่าการคว้าตัวนักเตะของเขาเข้ามายกระดับทีม และช่วยทีมได้จริงๆ อาทิ ดาเนียล เจมส์, อารอน วาน-บิสซากา, แฮร์รี แม็คไกวร์, บรูโน เฟอร์นันเดส รวมถึง เอดินสัน คาวานี จะมีอยู่เพียงแค่ ดอนนี ฟาน เดอ เบค ที่เขาแทบไม่ได้ให้โอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่อง
ภาพโดยรวมของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ เขาเข้ามาปรับปรุงทีมด้วยการปล่อยนักเตะที่ไม่ได้เล่นเพื่อตราของสโมสรแห่งนี้อย่างแท้จริงออกไป พร้อมคว้าตัวนักเตะที่มีความเป็นนักสู้ และโฟกัสฟุตบอลเป็นหลักเข้ามาสู่ทีมแทน แต่น่าเสียดายที่ตัวเขาไม่สามารถพาทีมประสบความสำเร็จได้ และการได้เพียงแค่รองแชมป์ ยูฟ่า ยูโรปาลีก ก็เหมือนตราประทับแล้วว่าเขาไม่ผ่าน หรือไม่ดีพอกับงานชิ้นนี้กลายๆ แล้ว
กระนั้นเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสในการแก้ตัวครั้งสุดท้ายของจริง ทีมได้ตัวผู้เล่นระดับโลกมาทั้ง จาดอน ซานโช ราฟาเอล วาราน และ คริสเตียโน โรนัลโด แต่ทว่าผลงานกลับลุ่มๆ ดอนๆ หนักกว่าเก่าอีก และการนำทีมบุกมาแพ้ "แตนอาละวาด" วัตฟอร์ด แบบหมดรูปถึง 1-4 เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา คือฟางเส้นสุดท้ายของเขากับทีม ซึ่งทำให้ตัวเขาและสโมสรต่างเห็นพ้องที่จะแยกทางกันด้วยดีในที่สุด.