ไทยรัฐออนไลน์
เจ้าของทีมอาจทำให้แฟนบอลแมนยูฯ ไม่พอใจอีกครั้ง เมื่อนำหุ้นของสโมสรไปขายทำกำไรมหาศาล แต่สโมสรจะไม่ได้เงินแม้แต่แดงเดียว
วันที่ 6 ต.ค. 64 บีบีซี สปอร์ต สื่อชั้นนำเมืองผู้ดีรายงานว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้แจ้งกับตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก เรื่องการขายหุ้นของสโมสรจำนวน 9,500,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 137.12 ล้านปอนด์ (6,307.52 ล้านบาท) เมื่อช่วงเย็นวันอังคารที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา ในนามของ เควิน เกลเซอร์ และ เอ็ดเวิร์ด เกลเซอร์ 2 ผู้บริหาร "ปิศาจแดง" แต่แถลงการณ์ระบุชัดเจนว่า แมนยูฯ จะไม่ได้รับเงินจากการขายหุ้นในครั้งนี้
เมื่อ 5 เดือนก่อน ตระกูลเกลเซอร์ ผู้เป็นเจ้าของสโมสรแมนยูฯ เพิ่งเจอกระแสต่อต้านจากแฟนบอลตัวเองถึงขั้นออกมารวมตัวประท้วงจนต้องเลื่อนเกมแดงเดือดในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่จะเปิดบ้านต้อนรับ ลิเวอร์พูล ออกไป หลังจากไม่พอใจที่ โจเอล เกลเซอร์ ประธานสโมสรร่วมมีส่วนในการสนับสนุนโปรเจกต์ "ยูโรเปียน ซูเปอร์ลีก" ที่มุ่งเน้นผลประโยชน์ของทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันรายการใหม่ โดยไม่สนใจความคิดเห็นของแฟนบอลก่อนจะล้มเลิกไป
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อัฟราม เกลเซอร์ อีกหนึ่งประธานสโมสรร่วมของ แมนยูฯ ก็เคยขายหุ้นสโมสรคิดเป็นมูลค่า 70 ล้านปอนด์ (3,220 ล้านบาท) มาแล้ว
ส่วนการขายหุ้นในครั้งนี้คิดเป็น 8 เปอร์เซ็นต์ของหุ้นทั้งหมดที่ตระกูลเกลเซอร์ครอบครอง แต่พวกเขาก็ยังคงถือหุ้นใหญ่ของ แมนยูฯ อยู่ที่ 69 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแหล่งข่าวยืนยันว่าเจ้าของทีมชาวอเมริกันจะยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารสโมสร "ปิศาจแดง" ต่อไป อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่าการขายหุ้นแมนยูฯ ครั้งนี้ เป็นการขายในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าในตลาดหุ้น เนื่องจากมีการขายในจำนวนมาก