หน้าแรกแกลเลอรี่

เปิด 9 แข้ง “ลิเวอร์พูล” ค่าตัว 30 ล้านปอนด์ขึ้นไป

ไทยรัฐออนไลน์

17 ก.ย. 2563 06:00 น.
  • “เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค” คือนักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดของ "ลิเวอร์พูล"
  • "ซาลาห์ - มาเน" ทำได้ 10 ประตูขึ้นไปทุกฤดูกาล นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ลิเวอร์พูล
  • "เยอร์เกน คลอปป์" ใช้เงินซื้อนักเตะราคา 30 ล้านปอนด์ขึ้นไป เพียง 7 คน

“ลิเวอร์พูล” ใช้เงินอย่างมากช่วง 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมาไปกับการซื้อตัวผู้เล่นเสริมทีม ซึ่งทำให้พวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ในรอบ 30 ปี

นับตั้งแต่ปี 2015 ที่ “เยอร์เกน คลอปป์” เข้ามาคุมทีมหงส์แดงใช้เงินไปประมาณ 435 ล้านปอนด์ ในการเซ็นสัญญานักเตะ โดยมี 7 คนที่ค่าตัวมีมูลค่า 30 ล้านปอนด์ขึ้นไป

แต่หากจะพูดถึงการใช้เงินและการทุ่มเงินจำนวนมากในการซิ้อขายนักเตะ “ลิเวอร์พูล” เป็นสโมสรที่ไม่ค่อยทำเสมอไป “ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐสปอร์ต” ได้รวบรวมความคุ้มค่าในการซื้อนักเตะที่มีราคามากกว่า 30 ล้านปอนด์ของลิเวอร์พูลขึ้นไปจนถึงปัจจุบัน

“คริสติยอง เบนเตเก”

ศูนย์หน้าชาวเบลเยียมโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับ แอสตัน วิลลา ก่อนที่ เบรนแดรน ร็อดเจอร์ส จะดึงตัวมาร่วมลิเวอร์พูล ในปี 2015

ทีมหงส์แดงพยายามตามหา “กองหน้าสไตล์เพชฌฆาต” แบบยิงโป้งเดียวจอด แต่สุดท้าย “เบนเตเก” ก็ยังไม่ใช่คำตอบ โดยเจ้าตัวอยู่กับทีมเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น หลังย้ายไป คริสตัล พาเลซ ปี 2016 ด้วยราคา 27 ล้านปอนด์

อย่างไรก็ตามแฟนเดอะค็อปก็ยังจดจำลูกยิงสุดสวยของเจ้าตัวได้จากการกระโดดจักรยานอากาศยิงเข้าไปอย่างยอดเยี่ยม ในศึกแดงเดือด วันที่ 12 กันยายน 2015

“อเล็กซ์ ออกซ์เลด แชมเบอร์เลน”

แนวรุกชาวอังกฤษเป็นเป้าหมายของ “เยอร์เกน คลอปป์” ในการสร้างแผงมิดฟิลด์ แต่น่าเสียดายที่ “อเล็กซ์ ออกซ์เลด แชมเบอร์เลน” ต้องเจอกับปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนเป็นส่วนใหญ่ โดยเดือนเมษายน ปี 2018 เขาบาดเจ็บหนักเอ็นไขว้หน้าเข่าขาด จากเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในเกมที่ลิเวอร์พูลเปิดบ้านชนะโรมา 5-2 พักยาวถึง 293 วัน

เท่านั้นยังไม่พอ มิดฟิลด์วัย 27 ปี ยังบาดเจ็บที่ข้อเท้า เดือนธันวาคม ปี 2019 จากเกมรอบชิงชนะเลิศศึกฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2019 นัดที่เอาชนะ ฟลาเม็งโก้ 1-0

ล่าสุดเจ็บเข่าจากจังหวะปะทะกับเพื่อนร่วมทีม ช่วงฝึกซ้อมปรีซีซั่น ที่เดินทางไปเก็บตัวในประเทศออสเตรีย จนทำให้พลาดช่วยทีมหงส์แดง ต้นฤดูกาล 2020-2021

“แอนดี้ คาร์โรลล์”

ตลาดซื้อขายหน้าหนาว ฤดูกาล 2010-2011 ลิเวอร์พูล ซื้อ “แอนดี้ คาร์โรลล์” จากนิวคาสเซิล เข้ามาพร้อมกับ “หลุยส์ ซัวเรซ” จาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมส์ แต่ค่าตัวของกองหน้าร่างยักษ์ชาวอังกฤษมีมูลค่ามากกว่า โดยทำสถิติเป็นนักเตะอังกฤษที่ค่าตัวแพงที่สุดของโลกในเวลานั้น

แต่ฟอร์มการเล่นอย่างที่เดอะค็อปทั่วโลกได้เห็น ไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งเหมือนกับตอนที่อยู่นิวคาสเซิล กับกลายเป็นศูนย์หน้าชาวอุรุกวัยที่เปรี้ยงปร้างกว่า สุดท้ายลิเวอร์พูลต้องปล่อยขายครึ่งราคาให้กับ เวสต์แฮม เมื่อปี 2013

“ซาดิโอ มาเน”

เป็นนักเตะที่ลิเวอร์พูลจะขาดไปไม่ได้สำหรับ “ซาดิโอ มาเน” 1 ใน 3 แนวรุกที่พาหงส์แดงบินสูงในปัจจุบัน ซึ่งตั้งแต่ "มาเน" ย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูลเป็นเวลา 4 ฤดูกาล เจ้าตัวทำได้ 10 ประตูขึ้นทุกซีซั่น

-ฤดูกาล 2019/2020 

18 ประตู

-ฤดูกาล 2018/2019

22 ประตู (คว้ารางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกร่วมกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมยอง)

-ฤดูกาล 2017/2018

10 ประตู

-ฤดูกาล 2016/2017

13 ประตู

นอกจากฟอร์มการเล่นที่ดีแล้ว นิสัยในนอกสนามก็ดีไม่แพ้กัน เห็นได้จากเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การบริจาคเงินช่วยเหลือในบ้านเกิดประเทศเซเนกัล หรือการมอบเสื้อให้กับเด็กเก็บบอล อ่านข่าว : รวมเหตุการณ์ประทับใจ "ซาดิโอ มาเน"

“โมฮาเหม็ด ซาลาห์”

ช่วงแรกที่ลิเวอร์พูล ดึง “โมฮาเหม็ด ซาลาห์” มาค้าแข้งถิ่นในแอนฟิลด์ “เดอะค็อป” คงคาดไม่ถึงว่าแนวรุกชาวอียิปต์จะระเบิดฟอร์มได้สุดยอดขนาดนี้ เพราะเพียงแค่ฤดูกาลแรกเจ้าตัวก็ยิงไป 32 ประตู ในเกมลีกจาก 36 นัด ส่วนอีก 2 ฤดูกาลถัดมา “ซาลาห์” ก็ยิงประตูเกิน 10 ลูกในเกมลีกให้กับลิเวอร์พูล ซึ่งการเล่นร่วมกับ ซาดิโอ มาเน และ โรแบร์โต ฟีร์มิโน ทำให้ ลิเวอร์พูล ได้ชื่อว่าเป็นทีมที่มี 3 ประสานแดนหน้าที่น่ากลัวที่สุดทีมหนึ่งในยุโรป

-ฤดูกาล 2019/2020

19 ประตู

-ฤดูกาล 2018/2019

22 ประตู (คว้ารางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกร่วมกับ ซาดิโอ มาเน, ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมยอง)

-ฤดูกาล 2017/2018

32 ประตู (คว้ารางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก)

นอกจากนั้นในนัดล่าสุด เกมเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีก 2020-2021 ซาลาห์ กดแฮตทริกช่วยให้ทีมชนะลีดส์ ยูไนเต็ด 4-3 ยังสร้างสถิติยิงประตูในนัดเปิดสนามพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ 4 ปีติดต่อกัน โดยที่ผ่านมามีแค่ เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม คนเดียวเท่านั้นที่ทำได้ในช่วงฤดูกาล 1992-1993 ถึงฤดูกาล 1995-1996

“ฟาบินโญ”

ลูกยิงไกลใส่ “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” กับ “คริสตัล พาเลซ” เมื่อฤดูกาลที่แล้ว (2019-2020) ของ “ฟาบินโญ” มิดฟิลด์ชาวบราซิล เป็นอีกหนึ่งอาวุธที่ลิเวอร์พูลขาดหายไปนับตั้งแต่ทีมหงส์แดงไม่มี “สตีเวน เจอร์ราร์ด” ซึ่งหากเจ้าตัวทำได้มากขึ้นในฤดูกาลนี้จะช่วยเพิ่มมิติเกมรุกให้กับทีมได้เป็นอย่างมาก ในยามที่ 3 ประสานแดนหน้า “มาเน-ฟีร์มิโน-ซาลาห์” โดนปิดตาย

สไตล์การเล่นของ “ฟาบินโญ” ทำได้หลากหลายให้กับลิเวอร์พูล ทั้งการเชื่อมเกม, ตัดเกม, วางบอลยาว คุ้มค่ากับการดึงตัวมาจากโมนาโก ซึ่งนอกจากตำแหน่งมิดฟิลด์ยังขยับไปเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็กได้อีกด้วย

“นาบี เคอิตา”

แฟนหงส์แดง ยังไม่เห็นสิ่งที่ดีที่สุดจาก “นาบี เคอิตา” เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งคนที่เจอปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคนที่เดอะค็อปทุกคนตั้งความหวังเอาไว้สูง

อย่างไรก็ตาม มิดฟิดล์ชาวกินี เพิ่งอายุ 25 ปี ยังมีเวลาในการพัฒนาและยกระดับตัวเองพิสูจน์ให้ “เยอร์เกน คลอปป์” เห็น อีกทั้งการที่ลิเวอร์พูลมีข่าวให้ความสนใจ “ติอาโก อัลคันทารา” ยิ่งทำให้ เคอิตา ต้องทำผลงานให้ดีโดยเร็ว

“อลิสสัน เบคเกอร์”

ผู้รักษาประตูชาวบราซิล เป็นการเสริมที่เรียกได้ว่า ถูกจุด ถูกตำแหน่ง เพราะหลังจากเขาย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูล ก็ยกระดับตัวเองขึ้นเป็นสุดยอดนายทวารแนวหน้าของโลก

เพียงแค่ฤดูการแรกในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สามารถคว้ารางวัล “ถุงมือทองคำ” มาครองได้ หลังทำไป 21 คลีนชีท นอกจากนั้นในปี 2019 ยังซิวตำแหน่งถุงมือทองคำอีก 2 รายการ คือ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และ โคปา อเมริกา

“อลิสสัน” ไม่ได้มีทีเด็ดแค่การเซฟเท่านั้น แต่การออกบอลของเขายังมีประสิทธิภาพ การันตีได้จาก ศึกแดงเดือด วันที่ 20 มกราคม 2020 ช่วงทดเจ็บ อลิสสัน วางบอลยาวขึ้นหน้าให้ โม ซาลาห์ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงช่วยให้ลิเวอร์พูล ฝัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0

“เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค”

เซ็นเตอร์แบ็กที่ดีที่สุดในโลกปัจจุบันคงไม่มีใครนึกถึง “เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค” เป็นหัวใจในแนวรับของลิเวอร์พูลอย่างแท้จริง โดยพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา (2018-19, 2019-2020) แนวรับชาวเนเธอร์แลนด์ลงสนามเป็นตัวจริงครบทุกนัด คุ้มค่ากับการที่เป็นนักเตะค่าตัวแพงสุดของลิเวอร์พูล

“ฟาน ไดจ์ค” ถือเป็นนักเตะคนสำคัญไปแล้ว เป็นอีกคนที่ช่วยเรียกศรัทธาจากแฟนบอลให้กับทีมลิเวอร์พูลอีกครั้ง อย่างไรก็ตามทีมหงส์แดงคงต้องมีแผนสำรองเอาไว้ในยามที่ “ฟาน ไดจ์ค” เกิดมีอาการบาดเจ็บ 

**สถิติของนักเตะอัปเดตถึงวันที่ 17 ก.ย. 63**

ผู้เขียน : ต้อม บางบอน

กราฟิก : Taechita Vijitgrittapong