ไทยรัฐออนไลน์
ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มสมศักดิ์ศรีทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2019-2020 ด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ เชลซี ไปแบบสุดมัน 5-3 ก่อนเข้าสู่พิธีรับถ้วยแชมป์อย่างเป็นทางการ
วันที่ 22 ก.ค. 63 ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกมที่ 37 นัดรองสุดท้ายของฤดูกาล 2019-2020 ลิเวอร์พูล ทีมแชมป์ที่มี 93 คะแนน ซึ่งเตรียมตัวรับถ้วยหลังจบเกมนี้ เปิดสนามแอนฟิลด์ต้อนรับ เชลซี ที่มี 63 คะแนน หล่นมาอยู่อันดับ 4 ก่อนลงสนาม หลังจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-1 ทำให้ "ปิศาจแดง" มีแต้มเท่ากับ "สิงห์บลูส์" แต่ประตูได้-เสียดีกว่าจึงขึ้นที่ 3 ชั่วคราว
เกมนี้ เยอร์เกน คลอปป์ กุนซือ "หงส์แดง" ปรับทีม 1 ตำแหน่งจากเกมล่าสุดที่บุกไปแพ้ อาร์เซนอล 1-2 โดย นาบี เกอิตา ได้ลงแทน อเล็กซ์ ออกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เพื่อทำเกมในแดนกลางร่วมกับ ฟาบินโญ และ จอร์จินโย ไวจ์นัลดุม ส่วนแนวรุกยังเป็น 3 ประสาน โม ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน และ โรแบร์โต ฟีร์มิโน ขณะที่ อดัม ลัลลานา ที่จะอำลาทีมหลังหมดสัญญาซีซั่นนี้ ก็มีชื่อกลับมาเป็นตัวสำรองด้วย
ด้าน แฟรงค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีมเชลซี ก็เปลี่ยนทีมแค่ 1 ตำแหน่งเช่นกัน หลังจากทำผลงานได้ดีในเกมเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ที่ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดย เกปา อาร์ริซาบาลากา ได้กลับมาเฝ้าเสาแทน วิลลี กาบาเยโร ส่วนแดนหน้ายังไว้วางใจ เมสัน เมานท์, วิลเลียน และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ พร้อมกับให้ คริสเตียน พูลิซิช ที่เพิ่งหายเจ็บเป็นตัวสำรองรอพลิกเกม
เริ่มเกมมาถึงนาทีที่ 8 โอกาสลุ้นแบบจะแจ้งครั้งแรกเป็นของทีมเยือน โดย รีซ เจมส์ เปิดบอลเข้าไปกดดันในเขตโทษ แต่ เมสัน เมานท์ ที่โฉบตัดหน้า เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้แล้วกลับโหม่งข้ามคานออกไป
นาทีที่ 13 เป็นทีของเจ้าถิ่นบ้าง ซาลาห์ เลี้ยงจี้เข้าหาเขตโทษก่อนทำชิ่งกับ ไวจ์นัลดุม แล้วโดน อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ขวางทางล้มลงไป แต่ผู้ตัดสิน อังเดร มาร์ริเนอร์ ยังนิ่งอยู่ ไม่เป่าเป็นจุดโทษแต่อย่างใด
เกอิตา (8) กลับมาเป็นตัวจริงก็ยิงได้เลย
3 นาทีต่อมา รีซ เจมส์ แบ็กขวาเชลซีได้จังหวะพาขึ้นมาแล้วไม่มีใครเข้าบอล จึงตัดสินใจยิงไกล บอลเลี้ยวหลุดกรอบออกไปแบบได้เสียวเล็กน้อย
นาทีที่ 23 "หงส์แดง" อาศัยการเพรสซิงในแดนบนจน "สิงห์บลูส์" ไปไม่เป็น โดย เซซาร์ อัซปิลิเกวตา หวดทิ้งขึ้นมา แล้ว วิลเลียน พยายามจะเลี้ยงหนีแต่จ่ายบอลสั้นเกินไป ถูก เกอิตา แย่งไปยิงหน้าเขตโทษชนิดกดเต็มข้อ บอลพุ่งหนีมือ เกปา เช็ดใต้คานเข้าไปอย่างเด็ดขาด ลิเวอร์พูล ออกนำก่อน 1-0
จากนั้นเจ้าถิ่นก็เดินเครื่องบุกต่อเนื่องหวังทำประตูที่ 2 เพิ่ม แต่ เชลซี ก็รอจังหวะเล่นงานอยู่เหมือนกัน นาทีที่ 32 เมานท์ ได้จังหวะหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงผ่านมือ อลีสซง เข้าประตูไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์แล้วไม่ให้เป็นประตู เนื่องจากอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า
กระทั่งนาทีที่ 38 ลิเวอร์พูล ได้ฟรีคิกระยะหวังผล ก่อนที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะปั่นโค้งข้ามกำแพงเสียบเสาเข้าไปชนิดที่ เกปา ได้แต่ยืนมอง เป็นประตูหนีห่าง 2-0 ซึ่ง เทรนต์ ก็ทำประตูเชลซีได้ทั้งนัดเหย้าและนัดเยือนด้วย โดยเกมแรกที่บุกไปชนะ 2-1 เมื่อวันที่ 22 กันยายน ปีที่แล้ว เทรนต์ ก็ยิงได้จากจังหวะฟรีคิกเช่นกัน
เทรนต์ ปั่นฟรีคิกเป็น 2-0 พร้อมกับยิง เชลซี ไป-กลับ
เจ้าบ้านยังไม่หนำใจ นาทีที่ 43 จากลูกเตะมุม ซาลาห์ พยายามชิงจังหวะกับแนวรับ "สิงห์บลูส์" แล้วบอลมาเข้าทางปืน ไวจ์นัลดุม ยิงสวนตูมเดียวเสยเพดานตาข่ายเข้าไปเป็น 3-0
แต่ เชลซี ยังไม่ถอดใจ ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 3 ก่อนหมดครึ่งแรก ยังมีจังหวะได้บุกขึ้นมาแล้ว วิลเลียน ตวัดยิง อลีสซง พยายามเซฟในจังหวะแรก แต่บอลมาเข้าทาง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ล้มตัวซ้ำดาบสองจ่อๆ ตีไข่แตกไล่มา 1-3 ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
กลับมาลุยต่อในครึ่งหลัง นาทีที่ 50 "หงส์แดง" ต่อบอลเข้าทำเร็วจนเกือบได้ประตูที่ 4 แต่ ซาลาห์ ที่ได้หลุดไปยิงกลับวางเท้าไม่ดี เฉือนบอลหลุดกรอบออกหลังไปแบบไม่ใกล้เคียง
ถัดมาอีก 5 นาที เทรนต์ เติมขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดโค้งไปให้ ฟีร์มิโน แทรกตัวเข้ามาโหม่งเต็มศีรษะผ่านมือ เกปา เข้าไปเป็น 4-1 ทำให้ ฟีร์มิโน ปลดล็อกประตูเกมพรีเมียร์ลีกในถิ่นแอนฟิลด์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 20 นัด และยังเป็นการทำประตู "สิงห์บลูส์" ได้ทั้งไป-กลับในซีซั่นนี้เช่นเดียวกับ เทรนต์ อีกด้วย
ฟีร์มิโน (แดง) กลับมาทำประตูเกมลีกในแอนฟิลด์ได้สำเร็จ
นาทีที่ 59 เชลซี เปลี่ยนแนวรุกพร้อมกัน 3 คน ทั้ง แทมมี อับราฮัม, คริสเตียน พูลิซิช และ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ลงมาแทน ชิรูด์, เมานท์ และ วิลเลียน ก่อนที่นาทีที่ 61 พูลิซิช จะเลี้ยงแหวกแนวรับ 3 คนแล้วผ่านเข้ากลางให้ อับราฮัม ยิงจ่อๆ ไล่มา 2-4
จากนั้นเกมรับ "หงส์แดง" ดูจะเสียกระบวนไปไม่น้อย นาทีที่ 73 เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ โจ โกเมซ ไม่ให้เสียงกันจนไปชนกันเองบริเวณกลางสนาม ก่อนที่ ฮัดสัน-โอดอย จะพาบอลไปเปิดให้ พูลิซิช กดในเขตโทษเข้าไปอย่างเฉียบขาด "สิงห์บลูส์" ไล่จี้มาเป็น 3-4 ยังมีลุ้นตีเสมอ
พูลิซิช ลงมาทั้งยิง-จ่ายให้ เชลซี ตีตื้น แต่ก็ไม่ทัน
แต่นาทีที่ 84 เกมสวนกลับเร็วของ ลิเวอร์พูล ก็แผลงฤทธิ์ หลังตัดบอลได้จากจังหวะเกมรุกของ เชลซี โดย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ทะลุขึ้นมาทางฝั่งซ้ายก่อนผ่านเข้ากลาง เคอร์ติส โจนส์ ตัวสำรองที่ลงมาข้ามหลอกให้บอลไปถึง อเล็กซ์ ออกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ตัวสำรองอีกรายสอดมายิงที่เสาไกลเข้าไปเป็น 5-3
เวลาที่เหลือ เชลซี ทวงประตูคืนไม่สำเร็จ ขณะที่ ลิเวอร์พูล ก็ปิดเกมเอาชนะไปได้ 5-3 เก็บเพิ่มเป็น 96 คะแนน คว้าชัยในบ้านได้สำเร็จ ก่อนที่จะเข้าสู่พิธีรับถ้วยแบบสมศักดิ์ศรีทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2019-2020
ส่วน เชลซี มี 63 คะแนนเท่าเดิม หล่นมาอยู่อันดับ 4 สวนทางกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ขึ้นไปอยู่อันดับ 3 แทน แม้มีแต้มเท่ากัน แต่ประตูได้-เสียของ "สิงห์บลูส์" เป็นรองอยู่ 15 ลูก ยังต้องไปแย่งท็อปโฟร์กับ เลสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 5 ที่มี 62 คะแนนอีกทีม เพื่อลุ้นโควตา ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ในนัดปิดฤดูกาล วันอาทิตย์นี้
รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, นาบี เกอิตา, ฟาบินโญ, จอร์จินโย ไวจ์นัลดุม, โม ซาลาห์, โรแบร์โต ฟีร์มิโน, ซาดิโอ มาเน
เชลซี (3-4-3) : เกปา อาร์ริซาบาลากา, เซซาร์ อัซปิลิเกวตา, เกิร์ต ซูมา, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, รีซ เจมส์, จอร์จินโญ, มาเตโอ โควาชิช, มาร์กอส อลอนโซ, วิลเลียน, เมสัน เมานท์, โอลิวิเยร์ ชิรูด์