ไทยรัฐออนไลน์
เปิดสาเหตุการตัดสินใจผิดพลาดของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ จนทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด พลาดท่าตกรอบเอฟเอ คัพ ด้วยการแพ้ เชลซี 1-3
โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ แม้จะออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเลือกผู้เล่นดีที่สุดลงสนาม และหวังในการถึงเข้าชิงในถ้วยเอฟเอ คัพ แต่ผลที่ออกมากลับไม่เป็นไปตามคาดถูกเชลซี ชนะไป 3-1 ทางด้าน "เดลี สตาร์" สื่อของอังกฤษ ได้วิเคราะห์ถึง 5 เหตุผลว่าเพราะอะไรนายใหญ่รายนี้ถึงได้วางแผนผิดพลาดบ้าง
ไม่ส่ง เซร์คิโอ โรเมโร เฝ้าเสา
เซร์คิโอ โรเมโร ประหลาดใจไม่น้อยเมื่อ กุนซือชาวนอร์วีเจียน บอกว่าเขาไม่ได้เล่นเป็นตัวจริงในเกมเจอเชลซี ทั้งๆ ที่รอบก่อนหน้านี้ได้รับความไว้วางใจมาอย่างต่อเนื่อง ปราการด่านสุดท้ายชาวอาร์เจนไตน์ ถือเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกอีกทั้งยังสามารถเก็บ 4 คลีนชีทจาก 5 เกมที่ได้่ลงเล่นในเอฟเอ คัพ
การที่ ดาบิด เด เกอา ล้มตัวช้าในลูกยิงที่ไม่มีน้ำหนักเท่าไหร่ของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ อีกทั้งยังรับลูกยิงไกลของ เมสัน เมาท์ พลาด ซึ่งทั้ง 2 ประตูที่ แมนฯ ยู เสียแบบง่ายๆ นั้น อาจทำให้ เซร์คิโอ โรเมโร รู้สึกอึดอัดอยู่ที่ม้านั่งสำรองเช่นกัน
จับ ปอล ป็อกบา และ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ นั่งสำรอง
จากเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ คริสตัล พาเลซ 2-0 ทั้ง ปอล ป็อกบา และ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ น่าจะมีชื่อเป็น 11 คนแรกในเกมกับ เชลซี ต่อไป แต่กลายเป็น เนมานยา มาติช และ เฟร็ด ที่ได้รับโอกาส และไม่สามารถทำหน้าที่กลางสนามได้ มีเพียง บรูโน แฟร์นานเดส เท่านั้นที่คอยขับเคลื่อนและต่อกรกับ มาเตโอ โควาซิช และ จอร์จินโญ ได้
เล่นเกมรับจนเกินไป
ดูเหมือน โซลชาร์ จะส่งนักเตะลงไปพร้อมสั่งการให้เล่นลึกจนถูกกดันจนเกินไปและไม่มีแผนที่จะวางบอลไปให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด มากเท่าไหร่นัก ซึ่งนี้อาจจะเป็นแผนที่ โซลชาร์ อาจเลือกใช้เหมือนเดิมจากที่เคยชนะเชลซี มาแล้ว 3 ครั้งในฤดูกาลนี้ ด้วยวิธีการเล่นแบบกระจายบอลไปทั่วสนาม ขณะที่การทำหน้าที่ของคู่เซ็นเตอร์เชลซี อย่าง เคิร์ต ซูมา กับ อันเดรียส คริสเตนเซน ก็ถือว่าทำได้ดีด้วยเช่นกัน
ส่ง มาร์เซียล ลงมาผิดจังหวะ
เป็นที่รู้กันดีว่าทีมกำลังลุ้นพื้นที่ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก และยังมีเกมยาวใน ยูโรป้า ลีก แต่การหวังที่จะได้แชมป์เอฟเอ คัพ ก็น่าจะเป็นทางเลือก ที่โซลชาร์ ไม่ควรตัดทิ้ง การดร็อป อองโตนี มาร์เซียล ที่ฟอร์มกำลังเข้าฝักยิงประตูใน 3 นัด จาก 4 เกมหลังสุด และส่งลงสนามมาแทน เอริค ไบญี กองหลังที่เจ็บแบบผิดที่ผิดเวลา ทำให้ดาวเตะชาวฝรั่งเศส จะดูเงียบไปอย่างผิดหูผิดตาในช่วงครึ่งหลัง
กระตุ้นทีมไม่ต่อเนื่อง
15 นาทีแรกของเกม ดูเหมือนว่า โซลชาร์ จะตะโกนสั่งการลูกทีม แต่หลังจากตกเป็นฝ่ายตามหลัง การกระทำเช่นนั้นก็ไม่เกิดขึ้นจากกุนซือวัย 47 ปี ซึ่งต่างจาก แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่พยายามมีอารมณ์ร่วมกับเกมอย่างต่อเนื่อง