หน้าแรกแกลเลอรี่

หัวใจน่ากราบของ "แมทธิว ไรอัน"

RC-Oppa

13 ม.ค. 2563 06:00 น.

เป็นเรื่องที่น่ายกย่องเมื่อ แมทธิว ไรอัน ผู้รักษาประตูชาวออสซี่ของไบรท์ตัน ประกาศนับต่อจากนี้ทุกการเซฟในศึกพรีเมียร์ลีกคือการช่วยเหลือประเทศออสเตรเลีย

อย่างที่ทราบกันดีว่า ประเทศออสเตรเลีย ดินแดนแห่งจิงโจ้ กำลังเผชิญกับภัยไฟป่าที่นับวันจะลามมากขึ้นเรื่อยๆ จนกินพื้นที่มากกว่า 6 รัฐ และมากกว่า 8.4 ล้านเฮกตาร์ ซึ่งทำให้มีผู้คนเสียชีวิต พร้อมกับบ้านเรือนเสียหาย และยังมีสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ต่างพากันล้มตายไปกว่า 500 ล้านตัว ภายใต้ท้องฟ้าสีแดงเพลิง

ความเสียหายดังกล่าวหากคิดเป็นเงินคงเป็นมูลค่ามหาศาลเลยทีเดียว กับการที่ประเทศออสเตรเลียต้องใช้ในการดับไฟป่าสำหรับครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเยียวยาผู้เสียหาย หรืองบในการส่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจำนวนมากเข้าไปยังในพื้นที่อันตรายดังกล่าว และใช้รักษาสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บ

ทำให้มีเหล่าเซเลบริตี้ทั่วโลกต่างพากันออกมาร่วมบริจาคเงินส่วนตัวเพื่อเข้าช่วยเหลือต่อเหตุการณ์ที่ชาวออสซี่ต้องเผชิญในครั้งนี้ ทั้งนักร้อง นักแสดงชื่อดังมากมายทั่วโลก นำโดย ไมลีย์ ไซรัส ที่ได้ควักเงินส่วนตัวเป็นจำนวน 89 ล้านบาทไปช่วยเหลือแล้ว นอกจากนี้ยังมีคนดังคนอื่นอีกไม่ว่าจะเป็น เซเลนา โกเมซ, พิงค์, นิโคล คิดแมน, เซอร์เอลตัน จอห์น และ โรเซ วงแบล็กพิงก์ ก็ต่างพากันออกมาเป็นกระบอกเสียงส่งต่อไปยังชาวโลกให้ช่วยเหลือกับสิ่งที่เกิดในครั้งนี้

ขณะที่วงการกีฬาล่าสุดมีชายที่สวมหัวใจเทพบุตรที่ชื่อว่า "แมทธิว ไรอัน" ผู้รักษาประตูทีมชาติออสเตรเลียของไบรท์ตัน สโมสรในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมายื่นมือช่วยเหลือประเทศของตัวเองเช่นเดียวกัน ด้วยการมอบเงินจากการเซฟของผู้รักษาประตูรวมทุกคู่ในศึกพรีเมียร์ลีก เซฟละ 50 เหรียญออสเตรเลีย (ราว 10,000 บาท) ให้กับมูลนิธิ "WIRES Wildlife Recue" ซึ่งมีจุดประสงค์คือนำเงินเหล่านั้นไปช่วยเหลือสัตว์ที่บาดเจ็บจากไฟป่า รวมถึงประชาชนที่ต้องเจอกับความเดือดร้อน ซึ่งเขาจะเริ่มนับการเซฟตั้งแต่วีคนี้เป็นต้นไป

"ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะนำเงินเหล่านั้นไปให้กับผู้ที่รับผลกระทบต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ต่อไป ผ่านการระดมเงินที่ผมได้ตั้งใจทำมันขึ้นมา" ผู้รักษาประตูที่คงอยากจะออกแรงเซฟมากที่สุดในชีวิต กล่าว 

ทั้งนี้ ออสเตรเลียเป็นประเทศที่สวยงาม และมีสัตว์มากมายหลายชนิดที่รอให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชื่นชมอยู่ ซึ่งหวังว่าไฟ่ป่าจะดับลงเร็วๆนี้ และกลับมาฟื้นฟูให้กลับเป็นปกติได้อีกครั้ง #PrayForAustralia