JUPITER
มีครบทุกรสชาติจริงๆ สำหรับเกมบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก ที่สนามแอนฟิลด์ ซึ่งจบลงด้วยผลเสมอ 2-2 แบ่งกันทีมละแต้มระหว่างหงส์แดงและไก่เดือยทอง ก่อนจะมีประเด็นถกเถียงไปอีกนานว่า สมควรเป็นลูกจุดโทษหรือไม่ในจังหวะนั้น...
แค่ 3 นาทีแรก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงให้หงส์แดง ขึ้นนำ 1-0 แต่ไก่เดือยทองมาตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 80 จากลูกยิงดินระเบิดของ วิคเตอร์ วันยามา ตัวสำรองที่ลงมาเล่นได้แค่นาทีเดียวท้ายเกม
อาจมีคนหัวใจวายเมื่อเกิดเหตุการณ์พลิกผันมากมาย เริ่มจากนาทีที่ 87 ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ได้จุดโทษจากจังหวะที่ แฮร์รี เคน หลุดเข้าไปในเขตโทษ แต่โดน โลริส คาริอุส รวบล้มในเขตโทษ ถ้าได้ดูภาพช้า นายทวารหงส์แดงไม่ได้โดนตัวเคนแต่อย่างใด และเหมือนโชคจะช่วย เคนยิงไม่ดี โดนคาริอุสป้องกันไว้ได้
ช่วงทดเจ็บนาทีแรก ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 2-1 จากลูกยิงของซาลาห์ ที่กระชากลากหลุดเข้าไปซัดผ่านมือ อูโก ยอริส ตุงตาข่ายแบบเหนือชั้น และดูเหมือน 3 แต้มจะอยูในมือแล้ว
จนกระทั่งนาทีที่ 95 ทีมเยือนได้จุดโทษอีกครั้ง จากจังหวะปะทะกันในเขตโทษของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ เอริค ลาเมลา แม้ว่าจังหวะนั้น ผู้ตัดสิน จอน มอสส์ จะไม่เห็นเหตุการณ์ และให้เล่นกันต่อ แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินดันโบกธงและชี้ไปที่มุมธง เป็นสัญญาณว่ามีการฟาวล์ในเขตโทษ และมอสส์ก็เป่าให้สเปอร์สได้จุดโทษ เคนยิงเข้าไปไม่เหลือ แก้ตัวได้สำเร็จ ช่วยให้ทีมไล่เจ๊า 2-2
แต่จากการดูภาพช้าในจังหวะที่ฟาน ไดค์ ยกขาไปโดนลาเมลาจนล้มนั้น แทบจะถูกตัวเพียงแผ่วเบาเท่านั้น แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินกลับเห็นเป็นการฟาวล์แบบรุนแรงไปซะอย่างนั้น ที่สำคัญ มอสส์ก็ดันเชื่ออีกต่างหาก จริงๆ มันเชื่อตัวเองก็ได้ เพราะใหญ่สุดในสนาม จึงต้องยอมจำนนกันไป
จากกรณีก็คงถึงเวลาแล้วที่สมาคมฟุตบอลอังกฤษ และสมาคมฟุตบอลทั่วโลก จะต้องนำระบบ VAR (Video Assistant Referee) มาช่วยในการตัดสินฟุตบอลได้แล้ว เพื่อกำจัดการตัดสินที่ผิดพลาดแบบนี้ให้หมดสิ้นไปเสียที
ส่วนใครจะคิดว่านี่เป็นเสน่ห์ของฟุตบอล บอลลูกกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ผมคงไม่คิดแบบนั้น
เพราะถ้าในอนาคต เหตุการณ์แบบที่แอนฟิลด์เกิดขึ้นอีก คงหาใช่เสน่ห์ไม่ แต่มันคือเสนียดในวงการฟุตบอลต่างหาก
JUPITER