ไทยรัฐออนไลน์
หรือ เลสเตอร์ ซิตี้ จะชวดกลับมาโลดแล่นใน พรีเมียร์ลีก?
"จิ้งจอกสยาม" ปราชัยในศึก เดอะ แชมเปียนชิพ มา 3 นัดติดต่อกัน ส่งผลให้ระยะห่างจากโซนเพลย์ออฟเลื่อนชั้น ร่นลงมาเหลือเพียง 5 คะแนนเท่านั้น ทั้งๆ ที่ 2 สัปดาห์ก่อน พวกเขายืนเหนือพื้นที่ดังกล่าวถึง 14 คะแนน
แม้จะยั้งรั้งตำแหน่งจ่าฝูงอยู่ แต่ด้วยโมเมนตัมเชิงลบที่ถาโถมเข้ามาเช่นนี้ การชวดคว้าโควตาเลื่อนชั้นกลับมายังลีกสูงสุดเมืองผู้ดี จึงกลายเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้
แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องหยิบยกขึ้นมาพูดถึงก็คือสาเหตุหลักที่ทำให้ผลงานของ เดอะ ฟ็อกซ์ ดรอปลงอย่างทันตา ทั้งๆ ที่พวกเขาถูกมองว่าเป็นตัวเต็งที่จะกลับไปค้าแข้งใน พรีเมียร์ลีก มากที่สุด
ประการแรกก็คือปัญหาการจบสกอร์ ตลอดทั้ง 3 นัดที่เพลี่ยงพล้ำให้กับ มิดเดิลสโบรห์, ลีดส์ ยูไนเต็ด และ ควีนส์ พาร์ค เรนเจอร์ส รูปเกมของพวกเขาแทบไม่ต่างจากช่วงที่คว้าชัยชนะได้ต่อเนื่องแม้แต่น้อย แต่ทว่าสิ่งที่ไม่เหมือนกันก็คือความเฉียบขาดหน้าปากประตู ในเกมลีก 3 นัดหลังสุด เลสเตอร์ สร้างโอกาสล่อเป้าคู่ต่อสู้มากถึง 58 ครั้ง แต่กลับเปลี่ยนโอกาสเหล่านั้นให้กลายเป็นประตูแค่ 3 ลูกเท่านั้น
ประเด็นต่อมาก็คือปัญหาอาการบาดเจ็บ ริคาร์โด เปเรย์รา และ เดนนิส ปราท คือแข้งประสบการณ์ระดับ พรีเมียร์ลีก 2 รายล่าสุดที่เข้าสู่รายชื่อนักเตะบาดเจ็บ มิหนำซ้ำ วิลเฟรด เอ็นดีดี เองก็ยังไม่สามารถกลับมาลงสนามได้ ในรายของ เชซาเร คาซาเด ต้นสังกัดอย่าง เชลซี ก็ดึงตัวกลับไปอีก ทำให้ตอนนี้ขุมกำลังในแดนกลางนั้นร่อยหรออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เรื่องสุดท้ายก็คือปัญหานักเตะตัวหลักพากันฟอร์มตก เริ่มจาก เคียร์แนน ดูว์สบิวรี-ฮอลล์ แดนกลางพรสวรรค์สูง รวมถึง สตีเฟน มาวิดีดี ริมเส้นคนสำคัญที่ไม่มีส่วนร่วมกับประตูมา 5 นัดติดต่อกันแล้ว
กระนั้นก็ตามใครที่เอาใจเชียร์พลพรรคจิ้งจอกสยามก็ไม่ถึงกับหมดลุ้น เพราะถ้าดูจากโปรแกรม 5 นัดถัดไปที่จะพบกับ ซันเดอร์แลนด์ (อันดับ 10), ฮัลล์ ซิตี้ (อันดับ 6), บริสตอล ซิตี้ (อันดับ 13), นอริช ซิตี้ (อันดับ 7) และ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ (อันดับ 20) การเก็บอย่างน้อย 10 คะแนนในโปรแกรมเหล่านี้ ก็น่าจะไม่ใช่งานที่ยากเสียเกินไป