มะระหวาน
ไม่มีพลิกโผสำหรับเซร์คิโอ บุสเกตส์ กองกลางกัปตันทีมบาร์เซโลนา ที่ได้ออกมาประกาศอำลาสโมสรหลังจากจบซีซันนี้ หลังจากรับใช้ บาร์เซโลนามาอย่างยาวนานถึง 18 ฤดูกาล นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ในปี 2008
บุสเกตส์ กลายเป็นขุมกำลังหลักของบาร์เซโลนา นับตั้งแต่ขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ทันที จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ล่วงเวลาไปถึง 18 ปีแล้ว เรียกได้ ว่าถ้ากองกลางวัย 34 ปีไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวนหรือว่าติดโทษแบนเขาจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงแน่นอน ไม่ว่าจะเปลี่ยนเทรนเนอร์มากี่คนก็ตาม
กองกลางร่างโย่งนั้นถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางของบาร์เซโลนา ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับคอยประคองรุ่นน้องมานักต่อนักแล้วไม่ว่ามิดฟิลด์คู่กลางจะเปลี่ยนหน้าไปหลายต่อหลายคนแต่คนที่ยืนอยู่เหมือนเดิมก็คือ บุสเกตส์
กองกลางวัย 34 ปี ตอนนี้รับใช้ทีมไปแล้วกว่า 718 นัด ยิงได้ 18 ประตูและทำอีก 40 แอสซิสต์ด้วยกัน นอกจากนั้นเจ้าตัวก็ยังพาทีมผงาดคว้าแชมป์มากถึง 31 รายการ ประกอบด้วย ลาลีกา 8 สมัย, โกปา เดล เรย์ 7 สมัย, สแปนิช ซูเปอร์ คัพ 7 สมัย, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 3 สมัย, ซูเปอร์ คัพ 3 สมัย และสโมสรโลก 3 สมัย
จากผลงานทั้งหมดทั้งปวง บุสเกตส์จะถูก บรรจุเป็นหนึ่งตำนานของบาร์เซโลนาอย่างแน่นอน
ซึ่งการจากไปของบุสเกตส์นั้นถือว่าเป็นการจบยุคทองของยักษ์ใหญ่จากแคว้นคาตาลัน
อย่างแท้จริง เพราะก่อนหน้านี้ในยุคทองของบาร์ซา หลุดรอดเหลือมาในฤดูกาลนี้เพียงแค่ 2 รายได้แก่ เคราร์ด ปิเก้ และเซร์คิโอ บุสเกตส์
ก่อนหน้านี้ ปิเก้ได้ประกาศเลิกเล่นไปในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ก่อนบุสเกตส์จะตามไปหลังจบในฤดูกาลนี้
สำหรับยุคทองของบาร์เซโลนานั้น เริ่มตั้งแต่เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คนปัจจุบัน เข้ามารับหน้าที่ในปี 2008
ตลอด 4 ปีที่เป๊ป เข้ามาคุมทัพบาร์เซโลนานั้นก็ได้สร้างรากฐานเอาไว้ได้อย่างดีมากๆ โดยอดีตกัปตันทีมบาร์เซโลนาพาทีมคว้าแชมป์ลีก 3 สมัย แชมป์ยุโรป 2 สมัย และโกปา เดล เรย์ 2 สมัยด้วยกัน
สิ่งที่เป๊ปทำให้บาร์ซายิ่งใหญ่ก็คือสไตล์การเล่นแบบ “ติกี้ ตาก้า” หรือเป็นสไตล์การเล่นแบบ ส่งและเคลื่อนไหวในระยะสั้น โดยส่งผ่านช่องหลากหลายวิธี และรักษาการครองบอลไว้
แม้ว่า “ติกี้ ตาก้า” จะมีมาตั้งแต่ในยุคของ โยฮัน คลัฟฟ์ ตำนานกุนซือของบาร์เซโลนา แต่เป๊ป นำมาใช้จนสร้างความโด่งดังอย่างชัดเจน เท่านั้นไม่พอยังสร้างความอันตรายเพิ่มมากขึ้นกว่าด้วย
แต่หลังจากที่เป๊ปวางมือไปก็ทำให้บาร์เซ โลนาฟอร์มดร็อปไปเล็กน้อย 2 ปี แต่ยังไม่ร้างแชมป์ ก่อนที่จะกลับมาคืนความยิ่งใหญ่อีกครั้งในยุคของ หลุยส์ เอ็นริเก เพื่อนร่วมทีมของเป๊ป ตามมาด้วยในยุค เออร์เนสโต วัลเวร์เด ก็ยังทำผลงานได้ยอดเยี่ยม
แต่หลังจากปลดวัลเวร์เด บาร์เซโลนาก็ไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งออกมาได้เลย จนกลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีอีกครั้งหลังจากชาบี เอร์นานเดซ เข้ามารับตำแหน่งจนใกล้จะคว้าแชมป์ลา ลีกา
โดยนับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมาก็มีนักเตะในยุคนั้นประคองทีมมาตลอดแม้ว่าจะค่อยๆหดหายไปทีละคนสองคนจนสุดท้ายหลังจากที่บุสเกตส์ ประกาศอำลาทีมก็ทำให้หมดแข้งบาร์เซโลนาในยุคทองอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะหมดแข้งยุคทองของบาร์เซโลนาก็จริง แต่สุดท้ายก็ยังเหลือเลือดเนื้อ เชื้อไขยุคทองอย่างชาบี เอร์นานเดซ ที่ก้าวเข้ามาเป็นโค้ชเพื่อสืบสานยุคทองสมัยใหม่ต่อไป
หลังจากจบฤดูกาลนี้เราจะได้เห็นยุคทองเวอร์ชันใหม่ประสบความสำเร็จเหมือนในยุคที่ผ่านมาหรือไม่ต้องตามลุ้นกัน!!
มะระหวาน