มะระหวาน
ไม่มีพลิกโผสำหรับคู่ชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ หลังจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายดวล จุดโทษเอาชนะ “นกนางนวล” ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน ไปได้ 7-6 หลังจากเสมอ 120 นาทีเต็ม 0-0 ทำให้ผ่านเข้ารอบไปดวลกับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่ปรับร่วมเมืองในวันที่ 3 มิ.ย.นี้ ณ เวมบลีย์ สเตเดียม
ศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ เวอร์ชัน “เอฟเอคัพ ไฟนอลส์” ถือว่าเป็นการพบกันครั้งแรกในรอบ ชิงรายการนี้ของทั้งสองทีม แถมชั่วโมงนี้ทั้งสองทีมต่างกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มที่ดี เชื่อว่าเจอกันครั้งนี้ใส่กันยับเยินแน่นอน เพราะถือว่าเป็นถ้วยสุดท้ายลีกผู้ดี
โดยเกม “แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้” ทั้งสองทีมเจอกันรวมทั้งหมด 189 นัด แมนฯ ซิตี้ ชนะ 58 นัด เสมอ 53 นัด แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 78 ครั้ง สำหรับในซีซันนี้ทั้งสองทีมผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ นัดแรกเล่นที่บ้านของแมนฯ ซิตี้ เจ้าถิ่นเอาชนะไปก่อน 6-3 พอโยกกลับมาเล่นในโอลด์แทรฟเฟิร์ด แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ล้างแค้นชนะไป 2-1
แต่ตอนนี้ แมนฯ ซิตี้ ต้องทิ้งเกมเอฟเอคัพ เอาไว้เบื้องหลังก่อนเพราะตอนนี้มีความสำคัญที่สุดคือเกมพรีเมียร์ลีก นัดล่าสุดที่จะดวลกับ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ที่เอติฮัด สเตเดียม ในวันที่ 26 เม.ย.นี้
ก่อนลงสนาม แมนฯ ซิตี้ รั้งรองจ่าฝูงตามหลัง อาร์เซนอล จ่าฝูง อยู่ 5 คะแนนด้วยกัน และยังแข่ง น้อยกว่า 2 นัด หาก “เรือใบสีฟ้า” เก็บชัยชนะได้ก็จะทำให้ตามหลัง “เดอะ กันเนอร์ส” เหลือ 2 แต้ม และยังมี 2 นัดอยู่ในมือ
ถ้า “เรือใบสีฟ้า” ตามหลัง “ปืนใหญ่” อยู่ 2 แต้ม และอีก 2 นัดที่เหลือก็เก็บชัยชนะได้ทั้งหมดก็จะทำให้มีแต้มแซงหน้าขึ้นมารั้งหัวตารางและมีแต้มนำหน้าอยู่ถึง 4 แต้มด้วยกัน
ส่วนอาร์เซนอลแทบจะไม่มีทางเลือกอื่นๆ เลยต้องเก็บชัยชนะให้ได้สถานเดียวหากต้องการลุ้นแชมป์ยาวๆไปจนถึงท้ายซีซัน ผลเสมออาจจะดูไม่เสียหายก็จริง แต่หาก “เรือใบ” เก็บชัยชนะ 2 นัดที่เหลือ ก็จะพลิกแซงหน้าขึ้นไปรั้งจ่าฝูงอยู่ดีนำหน้า “ไอ้ปืนใหญ่” อยู่ 1 แต้ม
งานนี้ “เดอะ กันเนอร์ส” แทบจะไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากเก็บชัยชนะให้ได้สถานเดียว ขณะที่แมนฯ ซิตี้ มีช้อยส์ให้เลือกมากกว่า คือได้ทั้งชนะและเสมอ ก็กำความได้เปรียบไว้มากพอสมควร
มาดูโปรแกรมที่เหลือของทั้งสองทีมว่ามีคิวจะเจอใครบ้างโดยตัดเกมที่ทั้งคู่จะพบกันในวันพุธนี้ออกไปก่อน อาร์เซนอลจะดวลกับ เชลซี (2 พ.ค./เหย้า), นิวคาสเซิล (7 พ.ค./เยือน), ไบรท์ตัน (14 พ.ค./เหย้า), นอตติงแฮม ฟอเรสต์ (20 พ.ค./เยือน) และวูล์ฟแฮมป์ตัน (28 พ.ค./เหย้า)
ส่วนคิวเตะของแมนฯ ซิตี้ ฟูแลม (30 เม.ย./เยือน), เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (3 พ.ค./เหย้า), ลีดส์ ยูไนเต็ด (7 พ.ค./เหย้า), พบ เอฟเวอร์ตัน (14 พ.ค./เยือน), เชลซี (20 พ.ค./ เหย้า), เบรนท์ฟอร์ด (28 พ.ค./เยือน) ส่วนอีกนัดพบไบรท์ตัน ยังรอยืนยันเวลาแข่งขันอีกครั้ง
เมื่อดูโปรแกรมที่เหลือทั้งสองทีมก็เจองานยากพอๆกัน เพราะแต่ละทีมที่ “ปืนใหญ่” กับ “เรือใบสีฟ้า” ต้องพบเจอในช่วงโค้งสุดท้ายต่างมีลุ้นทั้งนั้น ไม่ว่าจะลุ้นบอลยุโรปหรือลุ้นหนีตกชั้น เชื่อว่าไม่ง่ายที่จะเก็บชัยชนะแน่
แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถคว้าชัยชนะได้ในเกมนัดที่จะพบกันในวันที่ 26 เม.ย.นี้ ก็จะทำให้เส้นทางที่เหลืออยู่นั้นง่ายขึ้นเยอะ
จึงไม่น่าแปลกใจว่าในเกมพรีเมียร์ลีกที่ “เรือใบสีฟ้า” ดวลกับ “ปืนใหญ่” นี้หลายคนจะยกให้เป็นเกมตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีก
เพราะดูจากเส้นทางและโปรแกรมที่เหลืออยู่ “ผู้ชนะ” ของเกมนี้มีโอกาสจะได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกสูงจริงๆ.
มะระหวาน