PUN ABBEYROAD
“หงส์แดง” เอาชนะ ฟลาเมงโก ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ไป 1-0 คว้าแชมป์สโมสรโลก และนี่คือ 4 ประเด็นที่ได้เห็นจากเกมนี้....
1. 11 ตัวจริงสุดเน้น
เกมนี้ เยอร์เกน คลอปป์ จัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนาม ได้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กลับมายืนเกมรับคู่กับ โจ โกเมซ แบ็กซ้าย-ขวาเป็น แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ส่วนกองกลาง 3 คนประกอบด้วย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, นาบี เกอิตา และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด แชมเบอร์เลน โดยมี ซาดิโอ มาเน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต เฟอร์มิโน เป็น 3 ประสานแนวรุก ส่วน ฟลาเมงโกไม่น้อยหน้า จัด บรูโน เอ็นริเก และ กาเบรียล บาร์โบซา ลงล่าตาข่าย
2. รูปเกม
เปิดฉากครึ่งแรกรูปเกมค่อนข้างสูสี มีโอกาสทำประตูกันทั้งสองทีม แต่ก็ไม่มากนัก เพราะรูปเกมค่อนข้างอึดอัด ต่างฝ่ายต่างเจาะกันลำบากยากเย็น ครึ่งหลังก็เหมือนกัน มีโอกาสทั้งคู่แต่จบสกอร์กันไม่คม ก่อนจะจบ 90 นาทีด้วยสกอร์ 0-0 ต้องลุยต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ ก่อนจะเป็นหงส์แดงที่ใช้อาวุธเด็ดอย่างเกมโต้กลับ เริ่มจาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จ่ายทะลุขึ้นมาให้ มาเน หลุดเข้าเขตโทษก่อนจ่ายให้ โรแบร์โต เฟอร์มิโน ซัดเข้าไป
3. 3 แข้งเด่นหงส์แดง
อลิสสัน เบคเกอร์ โชว์ฟอร์มเหนียวหนึบเซฟลูกยิงของ กาเบรียล บาร์โบซา ในช่วงครึ่งหลัง เพราะถ้าลิเวอร์พูลโดนก่อน รูปเกมจะเล่นยากขึ้นแน่นอน ส่วนอีก 2 คน คือ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่เล่นได้อย่างเนียนตาในแดนกลาง ช่วยสกรีนบอลก่อนถึงแนวรับได้ดี แถมยังมีการจ่ายบอลที่หวังผลได้อีกด้วย และ โรแบร์โต เฟอร์มิโน ที่ทำประตูสำคัญในช่วงทดเจ็บให้ทีมในรอบรองชนะเลิศ และในเกมนัดชิงดำก็มาทำประตูในช่วงต่อเวลาพิเศษได้อีก
4. ผู้ตัดสิน
เกมนี้ถ้าในมุมมองคนดูบอลทั่วไป ผู้ตัดสินเป่าแปลกๆ ในหลายจังหวะ บางทีจังหวะควรจะได้ฟาวล์ก็ไม่ได้ จนเกือบทำให้เกมปะทุเดือดเพราะนักเตะเริ่มหงุดหงิด อย่างไรก็ตามการแข่งขันก็จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอแสดงความยินดีกับ ลิเวอร์พูล ที่คว้าแชมป์สโมสรโลกมาครองเป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรได้สำเร็จ.