ไทยรัฐออนไลน์
อัล ฮิลาล ทีมดังจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ผงาดคว้าแชมป์ศึกเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2019 หลังบุกไปปราบ อุราวะ เรด ไดมอนด์ส ในเกมรอบชิงชนะเลิศ นัดที่สอง
วันที่ 24 พ.ย. 62 การแข่งขันฟุตบอลที่ใหญ่สุดของทวีปเอเชียกับรายการที่มีชื่อว่า "เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2019" เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ นัดสองแล้ว โดยเป็นการพบกันระหว่าง อุราวะ เรด ไดมอนด์ส ทีมเบอร์ต้นของศึกเจลีก1 ประเทศญี่ปุ่น กลับมาเปิดสนาม ไซตามะ สเตเดียม ดวลแข้ง อัล ฮิลาล ยอดทีมดังจากซาอุดิอาระเบีย (เกมแรก อัล ฮิลาล เปิดบ้านชนะ 1-0 *เล่นแบบเหย้า-เยือน)
โดยเกมนี้ทั้งสองทีมส่งผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนาม เริ่มที่ เจ้าถิ่น "อุราวะ เรด" มีกองหลังตัวเก๋าอย่าง โทโมอากิ มาคิโนะ ที่เคยเล่นให้กับเอฟซี โคโลญจน์ ทีมดังในลีกเยอรมนี เช่นเดียวกับ คีย์แมนคนสำคัญ คาซูกิ นากาซาวะ ตำแหน่งกองกลางใส่หมายเลข 7 ส่วนกองหน้าเป็น ฟาบิซิโอ ที่อิมพอร์ตมาจากบราซิล ขณะที่ทีมเยือน "อัล ฮิลาล" นำโดยสองสตาร์ดัง เซบาสเตียน โจวินโก อดีตแข้งดังของยูเวนตุส และ เบเฟติมบี โกมิส ดีกรีเคยเล่นในศึกมาพรีเมียร์ลีกมาแล้วกับ สวอนซี ซิตี้ เมื่อปี 2014-2017
ครึ่งแรก ด้วยความที่เป็นแมตช์นัดชิงชนะเลิศ และเป็นนัดสุดท้าย ทำให้ทั้งสองทีมต่างเล่นแบบเน้นชัวร์และรัดกุมมากที่สุด ผลสกอร์เลยอยู่ที่ 0-0 หลังจบ 45 นาทีแรก โดยรูปเกมถือว่าสูสีกัน ซึ่งสู้ที่กลางสนามเป็นหลัก มีเปอร์เซ็นต์ออกมาว่าทั้งคู่เล่นกันที่แดนกลางมากถึง 55.1 % แถมยังมีโอกาสลองส่องประตูเท่ากันอีกที่ 4 ครั้ง ส่วนด้านการครองบอล เป็นเจ้าถิ่นทำได้ดีกว่า 57.1% ทีมเยือน 42.9 %
เริ่มเกมมาในครึ่งหลัง ทีมเยือนมีโอกาสลองส่องประตูอยู่หลายหลังแต่ก็ยังไม่ดีพอ จนมาถึงนาทีที่ 74 "อัล ฮิลาล" ก็มาได้ประตูที่ต้องการ 1-0 จากจังหวะจ่ายตัดเข้าในของ "โจวินโก" ไปให้กับ ซาเลม อัล-ดอว์ซารี เติมขึ้นมาแปโล่งๆ เข้าไป ทำให้กฎอเวย์โกลทำงานทันที "อุราวะ เรด" ต้องยิงอีกอย่างน้อย 3 ลูกถึงจะชนะ ซึ่งดูเป็นงานที่ยากเอามากๆ และช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทีมเยือนได้ประตูปิดกล่อง 2-0 จนได้ จากลูกความสามารถเฉพาะตัวของ "โกมิส" ที่เล่นกับเพื่อนร่วมทีมบริเวณกลางสนามก่อนหลุดเข้าไปในเขตโทษแล้วทำการซัดตุงตาข่าย
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม อัล ฮิลาล บุกมาชนะ อุราวะ เรด ไดมอนด์ส 2-0 (สกอร์รวมสองนัด 3-0) ทีมดังจากแดนน้ำมันเถลิงแชมป์เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2019 ซึ่งถือเป็นการคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 3 ต่อจากปี 1991 และ 2000 ส่วนอุราวะ เรด พลาดโอกาสในการคว้าแชมป์เพิ่มเป็นสมัยที่ 3 โดยก่อนหน้านี้เคยทำได้เมื่อปี 2007 กับ 2017.