ไทยรัฐฉบับพิมพ์
สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศ ไทยฯ รับเรื่องอุทธรณ์ของ “มิ้ว” จิระพงศ์ มีนาพระ และอภิสิทธิ์ พรมแก้ว 2 นักวิ่งชื่อดังที่หนีออกจากแคมป์ยามวิกาลแล้ว คณะกรรมการปกครองวินัยพิจารณา ยังยืนยันการลงโทษตามเดิมไม่ให้ลงแข่งขันทุกรายการที่สมาคมกีฬากรีฑาฯ และสหพันธ์กรีฑานานาชาติรับรอง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีกำหนดเวลา 1 ปี ยกเว้นแค่กีฬากองทัพไทยและกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ส่วนโทษอื่นยืนตามมติเดิม
ตามที่สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ ได้มีบทลงโทษ ประกาศแบนโทษ 4 นักกรีฑา ทีมชาติไทยซึ่งทำผิดกฎระเบียบของสมาคมฯ ในการออกจากที่พักในยามวิกาล ทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย “มิ้ว” จิระพงศ์ มีนาพระ, อภิสิทธิ์ พรมแก้ว, รัตนพล โสวัน และณัฐพงศ์ วีระวงศ์รัตนศิริ ซึ่งจะไม่ให้ลงแข่งขันทุกรายการที่สมาคมกีฬากรีฑาฯ และสหพันธ์กรีฑานานาชาติรับรอง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีกำหนดเวลา 1 ปี โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป ซึ่งหลังจากนี้ ผู้ถูกลงโทษมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วันหลังจากการประกาศ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ต.ค.2560 ที่สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ ม.ธรรมศาสตร์รังสิต คณะกรรมการปกครองวินัยได้ประชุมทำการพิจารณา 2 นักกรีฑา จิระพงศ์ มีนาพระ และอภิสิทธิ์ พรมแก้ว 2 นักวิ่งระยะสั้นทีมชาติไทย ซึ่งได้ยื่นขออุทธรณ์การลงโทษความผิดทางวินัยระเบียบค่ายพักนักกรีฑาทีมชาติไทย ซึ่งใจความในจดหมายยื่นอุทธรณ์ของทั้ง 2 นักกรีฑานั้น ยอมรับการกระทำผิด และสำนึกต่อการกระทำดังกล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้ยืนการลงโทษแบนการแข่งขันรายการที่สมาคมกีฬากรีฑาฯ รับรองทุกรายการเป็นเวลา 1 ปี ยกเว้น 2 รายการ ได้แก่ กีฬากองทัพไทย และกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ในเรื่องนี้ “แฝดใหญ่” พล.ต.ต.สุรพงษ์ อาริยะมงคล เลขาธิการสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า ขณะนี้มี 2 นักกรีฑาได้ยื่นอุทธรณ์โทษมา โดยยังเหลือ ณัฐพงศ์ วีระวงศ์รัตนศิริ และรัตนพล โสวัน ซึ่งทางสมาคมฯเปิดโอกาสให้อุทธรณ์ได้จนถึงวันที่ 5 พ.ย.2560 ถ้าไม่มีการอุทธรณ์ถือว่ารับบทลงโทษตามที่ได้กล่าวไว้ในตอนแรก
แต่สำหรับ 2 คน จิระพงศ์ มีนาพระ กับอภิสิทธิ์ พรมแก้ว ที่ได้มีการยื่นอุทธรณ์มานั้น ทางคณะกรรมการได้หารือแล้วว่าทั้ง 2 คนนั้นได้เคยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ แต่เราพิจารณาแล้วว่าบทการลงโทษยังเหมือนเดิม แต่สำหรับการแข่งขันกีฬากองทัพไทย ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ให้ต้นสังกัดของนักกีฬา เราจะยกเว้นให้ และสำหรับกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยนั้น ถ้าตัดสิทธิ์อาจจะมีผลต่อการเรียน เราจึงยกให้เพียงแค่ 2 รายการเท่านั้นคือ กีฬากองทัพไทยและกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย สามารถลงแข่งขันได้
เลขาธิการสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ กล่าวต่อว่า นอกจาก 2 รายการนี้ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์ประเทศไทย, กีฬาแห่งชาติ, เยาวชนแห่งชาติ หรือรายการที่ทางสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ ให้การรับรองไม่มีสิทธิ์ที่จะลงทำการแข่งขันได้ ดังนั้น หมายความว่านักกีฬาที่โดนลงโทษ จะโดนโทษแบนไม่ให้ลงแข่งขันเป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งเอเชียนเกมส์ ในปีหน้า 2018 ซึ่งจะมีขึ้นในเดือน ส.ค. ที่ประเทศอินโดนีเซียนั้น นักกีฬาทั้ง 4 คนนี้จะไม่ได้ร่วมในนามทีมชาติอย่างแน่นอน
“การจะสร้างนักกีฬาไปสู่ความเป็นเลิศ สิ่งแรกเลยนักกีฬาต้องมีวินัย มิฉะนั้นเราจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ ดังนั้น เราต้องยอมตัด และแน่นอนว่าเราจะเสริมเด็กใหม่อายุ 17 ปีขึ้นมาเสริมทีมในเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ร่วมกับทีมระยะสั้นที่เหลืออยู่” พล.ต.ต.สุรพงษ์ กล่าวในตอนท้าย.