ไทยรัฐออนไลน์
ดิเอโก มาราโดนา ยืนยัน ถ้าเมื่อก่อนในวงการลูกหนังใช้ระบบ VAR ประตูหัตถ์พระเจ้าที่ทำได้ในเกมอาร์เจนตินา เฉือนชนะอังกฤษ 2-1 จะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน วันที่ 26 ก.ค. ว่า ดิเอโก มาราโดนา ตำนานลูกหนังโลกชาวอาร์เจนตินา ระบุ ถ้าสมัยก่อนมีการใช้เทคโนโลยีช่วยผู้ตัดสิน หรือ Video Assistant Referee (VAR) กรณีหัตถ์พระเจ้าของตัวเองจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน
ย้อนกลับในศึกฟุตบอลโลก 1986 รอบสุดท้าย ที่ประเทศเม็กซิโก เกิดเรื่องอื้อฉาวที่ยังคงพูดถึงจนถึงทุกวันนี้ โดยในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย ระหว่างทีมชาติอังกฤษ พบกับ ทีมชาติอาร์เจนตินา มีจังหวะที่มาราโดนาใช้มือช่วยในการทำประตู จนส่งผลให้ขุนพลฟ้าขาวเฉือนชนะ 2-1 ก่อนทะลุเข้าไปจนสามารถคว้าแชมป์โลกได้ในที่สุด
ล่าสุด มาราโดนา ในวัย 56 ปี ที่ปัจจุบันเป็นกุนซือทีมฟูไจราห์ ในศึกยูเออี ดิวิชั่น 1 ของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ออกมากล่าวถึงการใช้เทคโนโลยีช่วยผู้ตัดสิน หรือ Video Assistant Referee (VAR) หลังจากเห็นการใช้งานระบบดังกล่าวช่วงที่เข้าไปชมเกมนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลคอนเฟเดอเรชันส์ คัพ 2017 ว่า ระบบนี้เหมาะกับกีฬาแทบทุกชนิด แต่ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้กับฟุตบอล โดยเฉพาะการนำมาตัดสินว่าการทำประตูที่เกิดขึ้นจะได้หรือไม่ได้
แต่เมื่อถูกถามย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในศึกฟุตบอลโลก 1986 รอบสุดท้าย ที่ประเทศเม็กซิโก ในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย ระหว่างทีมชาติอังกฤษ พบกับ ทีมชาติอาร์เจนตินา ที่มาราโดนาใช้มือช่วยในการทำประตู จนถูกเรียกว่า “หัตถ์พระเจ้า” นั้น ตำนานลูกหนังรายนี้ กล่าวปนเสียงหัวเราะว่า ถ้าตอนนั้นมีการใช้ VAR มันจะไม่เป็นประตูแน่นอน
“ถ้าตอนนั้นมีการนำระบบ VAR มาใช้ ผมแน่ใจว่าประตูหัตถ์พระเจ้าที่ผมทำได้ในเกมพบอังกฤษ จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน รวมไปถึงเกมฟุตบอลโลก 1990 รอบสุดท้าย ที่เราพบกับสหภาพโซเวียต ในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งผมทำแฮนด์บอลในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินไม่เห็น ทำให้รอดการเสียจุดโทษไป แน่นอนว่าถ้าใช้ VAR การตัดสินอาจเปลี่ยนไป” มาราโดนา กล่าว
นอกจากนี้ มาราโดนา ยังกล่าวถึงจังหวะอันน่ากังขาในศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย อย่างประตูที่อังกฤษทำได้ในนัดชิงชนะเลิศ ปี 1966 รวมถึงลูกยิงของแฟรงค์ แลมพาร์ด ที่ข้ามเส้นไปแล้วแต่ไม่ได้ประตู ในเกมพบกับทีมชาติเยอรมัน ปี 2010 ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้น หากมี VAR ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป