มะระหวาน
ปิดฉากเป็นที่เรียบร้อยสำหรับศึกลาลีกา สเปน แชมป์ตกเป็นของ “ตราหมี” แอต.มาดริด ที่บุกชนะบายาโดลิดไปได้ 2–1 โดยมีแต้มทิ้งห่าง “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ที่เล่นในบ้านเอาชนะ บีญาร์เรอัลไปได้ 2–1 เพียงแค่ 2 คะแนนเท่านั้น
แชมป์ลาลีกาครั้งนี้ของ “ตราหมี” สมัยที่ 11 ในประวัติศาสตร์สโมสร ซึ่งถ้าวัดจากฟอร์มกันตรงๆ แอต.มาดริดก็สมควรจะได้แชมป์เพราะถือว่าเป็นทีมที่ทำผลงานได้คงเส้นคงวามากที่สุด
ก่อนหน้านี้แอต.มาดริดได้นำห่าง 2 ยักษ์ใหญ่อย่างเรอัล มาดริด และบาร์เซโลนา ไกลสุดกู่ถึง 10 คะแนน แม้ว่าช่วงหลังๆลูกทีมของดิเอโก ซิเมโอเน ยอดกุนซือชาวอาร์เจนไตน์ จะฟอร์มหลุดบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ยังประคองตัวมาได้
ตอนแรกก็นึกว่าจะหลุดวงโคจรเหมือนกัน แต่ช่วงที่ “ตราหมี” ฟอร์มหลุดบรรดาบาร์ซากับ เรอัล มาดริด ก็พากันสะดุดไปด้วย
ขณะเดียวกันซิเมโอเนยังดึงสติลูกทีมกลับมาได้และก็คว้าแชมป์มาครองในที่สุด
การคว้าแชมป์ครั้งนี้ของแอต.มาดริด เชื่อว่ามีชายคนหนึ่งที่จะมีความรู้สึกตื้นตันใจปนสะใจที่สุดอยู่คนหนึ่งนั่นก็คือ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยหัวหอกตัวเก่งของ “ตราหมี”
เพราะก่อนเปิดฉากฤดูกาล ซัวเรซไม่ได้มีความคิดที่จะย้ายทีมแม้แต่นิดเดียว เขาก็หวังว่าจะได้ลงเล่นเคียงข้างเพื่อนรักอย่างลิโอเนล เมสซี กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินา ในถิ่นคัมป์นู เพื่อไล่ล่าแชมป์ต่างๆในซีซันนี้
แต่การเข้ามาของโรนัลด์ คูมัน นายใหญ่ชาวฮอลแลนด์ มันทำให้ทุกอย่างพังทลาย
กุนซือชาวดัตช์เข้ามาปุ๊บก็ได้ประกาศเลยว่า ซัวเรซไม่อยู่ในแผนการทำทีมและสามารถทำเรื่องย้ายทีมได้เลยทันที โดยที่สโมสรแทบจะไม่เรียกค่าตัวด้วยซ้ำ
งานนี้นอกจากซัวเรซที่จับต้นชนปลายไม่ถูก เมสซีก็โมโหเช่นกัน ทำไมคูมันเพิ่งมาถึงก็ทำอะไรแบบนี้
เมื่ออยู่ไม่ได้อดีตกองหน้าลิเวอร์พูลก็ย้ายออกจากถิ่นคัมป์นู แบบไม่เต็มใจและย้ายมาซบแอต.มาดริดในที่สุด
แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ ซัวเรซก็ลบความผิดหวังและเดินหน้าพิสูจน์ตัวเองกับแอต.มาดริด ที่ยังเชื่อใจเขา นอกจากนั้นเพื่อบอกคูมัน และบาร์ซาตัดสินใจผิดที่ปล่อยเขาออกมา
ซึ่งซัวเรซซัดไปทั้งสิ้น 21 ประตูจาก 32 เกมที่ลงเล่นในลีก และประตูที่ 21 คือประตูแห่งความทรงจำเป็นมือซัดให้แอต.มาดริดชนะเรอัล บายาโดลิด 2-1 ในเกมนัดสุดท้าย
และประตูดังกล่าวก็คือประตูที่พา “ตราหมี” เถลิงแชมป์ในซีซันนี้มาครองได้สำเร็จ
แชมป์ลาลีกาในซีซันนี้คือครั้งที่ 5 ของซัวเรซ และเป็นแชมป์แรกกับแอต.มาดริด
การคว้าแชมป์ครั้งนี้ของซัวเรซเป็นการตบหน้าฉาดใหญ่ใส่คูมันและบาร์เซโลนาที่เฉดหัวส่งไล่เขาออกมา
ซึ่งเจ้าตัวก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าด้วยวัย 34 ปี เขายังเล่นฟุตบอลได้ในระดับสูงเหมือนเดิม
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับซัวเรซทั้งหมดจึงไม่แปลกใจที่เจ้าตัวจะนั่งร้องไห้กลางสนามในการฉลองแชมป์
เพราะมันคือน้ำตาของความอัดอั้นตันใจที่ถูกกระทำหลังจากโดนตราหน้าว่าหมดน้ำยา
แต่สิ่งที่เขาทำกับ “ตราหมี” นั้นเป็นการเคลียร์ตัวเองว่ายังเจ๋งอยู่
เปลี่ยนจากคนไม่มีค่าในบาร์เซโลนากลับกลายเป็นฮีโร่ของ “ตราหมี”
ป่านนี้พวกคนไม่เห็นคุณค่าของ “ซัวเรซ” คงนั่งซัดน้ำใบบัวบกแก้ช้ำไปกันหลายขนานแล้ว.
มะระหวาน