หน้าแรกแกลเลอรี่

ควรได้รับคำชม

มะระหวาน

19 ก.ค. 2567 05:11 น.

ไม่มีพลิกโผสำหรับการประกาศลาออกจากตำแหน่งเทรนเนอร์ทีมชาติอังกฤษของแกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือวัย 53 ปี ที่ได้ออกมาประกาศวางมือจากการคุมทัพ “สิงโตคำราม” หลังจากไม่สามารถพาทีมไปได้ถึงดวงดาวในการคว้าแชมป์ยูโร 2024 มาครอง

แม้ว่าหลายคนจะพอใจที่เซาธ์เกตได้ลาออกจากตำแหน่งสักที หลังจากไม่ชอบในการจัดทัพและการแก้เกมของกุนซือรายนี้ในศึกยูโร 2024 บางคนก็โทษว่าสาเหตุที่อังกฤษอดสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ยุโรปได้เป็นครั้งแรกก็เพราะกุนซือวัย 53 ปี

แต่อย่าลืมว่านับตั้งแต่เซอร์ อัลฟ์ แรมซีย์ พา “สิงโตคำราม” คว้าแชมป์โลกในปี 1966 ก็ยังไม่มีผู้จัดการทีมอังกฤษคนไหนที่พาทีมมีโอกาสลุ้นแชมป์มากมายเท่ากับอดีตปราการหลังกัปตันทีมชาติอังกฤษรายนี้มาก่อน

หลังจากคว้าแชมป์โลกในปี 1966 อังกฤษก็ทำได้ดีสุดในศึก “เวิลด์ คัพ” คืออันดับ 4 ในปี 1990 ภายใต้การคุมทีมของไบรอัน ร็อบสัน ส่วนในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ “ยูโร” ก็ทำได้ดีที่สุดคืออันดับ 3 ในปี 1968 ภายใต้การคุมทีมของแรมซีย์และ ในปี 1996 ภายใต้การคุมทีมของเทอร์รี เวนาเบิลส์

จากนั้นไม่ว่าจะใช้กุนซือดังอย่าง สเวนโกรันส์ อีริคสัน (สวีเดน), ฟาบิโอ คาเปลโล (อิตาลี) รวมถึงกุนซือท้องถิ่นอย่าง เกล็น ฮอดเดิลส์, สตีฟ แม็คคลาเรน, รอย ฮอดจ์สัน, เควิน คีแกน แต่ก็ไม่สามารถพา “สิงโตคำราม” ไปได้ไกลในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ได้เลย

จนกระทั่งชายชื่อเซาธ์เกตเดินเข้ามารับตำแหน่งนายใหญ่คนใหม่ของ “สิงโตคำราม” เมื่อ 8 ปีที่แล้วการเดินทางที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น แม้ว่าตอนแรกหลายฝ่ายจะคลางแคลงและสงสัยในประสบการณ์การคุมทีมแค่ 6 ปีเท่านั้น จนทำให้หลายคนปรามาสว่า เซาธ์เกตคงจะอยู่ได้ไม่นาน

เซาธ์เกตเริ่มงานแรกของเขาก็คือการพา อังกฤษลงเตะรอบคัดเลือกในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งทาง “สิงโต” ก็ผ่านเข้ารอบมาสบายๆ ก่อนที่ใน “เวิลด์ คัพ” รอบสุดท้ายเจ้าตัวจะพาพลพรรค “ทรี ไลออนส์” ไปได้ไกลถึงรอบตัดเชือก แต่สุดท้ายก็ได้แค่อันดับ 4 ก่อนพาทีมคว้าอันดับ 3 ศึกยูฟ่า เนชันส์ ลีก ฤดูกาล 2018-19

จากนั้นในศึกยูโร 2020 เซาธ์เกตก็พา “สิงโตคำราม” ทะยานเข้าชิงชนะเลิศได้ แต่สุดท้ายก็อกหักได้แค่รองแชมป์หลังจากพ่ายแพ้การยิงจุดโทษให้กับอิตาลีไป 2-3 หลังจากเสมอในเวลา 1-1 เรียกได้ว่าเป็นโอกาสที่ใกล้ถ้วยแชมป์มากที่สุดของอังกฤษแล้ว

ถัดไปในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ เซาธ์เกตก็พาทีมไปได้ไกลเพียงแค่รอบ 8 ทีมเท่านั้น รวมถึงในยูฟ่า เนชันส์ ลีก ฤดูกาล 2022-23 นั้น “สิงโตคำราม” ต้องร่วงจากลีกเอไปเล่นในลีกบีทำให้หลายคนเริ่มไม่พอใจกับอดีตกัปตันผู้รับบทบาทเฮดโค้ชแล้ว

แม้ว่าจะคว้าตั๋วไปลุยยูโร 2024 รอบสุดท้ายได้แต่หลายฝ่ายก็ยังมองว่า เซาธ์เกตคงไม่มีทางคว้า แชมป์ได้ เพราะการจัดตัวและการวางแผนการเล่นนั้นแทบไม่ได้แตกต่างจากเมื่อปีแรกๆที่เข้ามาคุมทีม แต่สุดท้ายอดีตกุนซือโบโร่ ก็สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้งด้วยการพา “สิงโตคำราม” เข้าชิงชนะเลิศอีกครั้งแม้ว่าสุดท้ายแล้วอังกฤษจะพ่ายแพ้ต่อสเปน ไป 1-2 จนกลายเป็นรองแชมป์ 2 ปีติดต่อกัน

หลังชวดแชมป์ เซาธ์เกตก็มารับผิดชอบด้วยการลาออก ปิดตำนานคุมทัพ “สิงโตคำราม” มากสุดเป็นอันดับ 3 จำนวน 102 นัด อย่างไรก็ตาม บรรดาแฟนบอลหรือกูรูชาวผู้ดีทั้งหลาย ก็ควรยกย่องชื่นชม เซาธ์เกตให้มากกว่านี้ แม้ว่าเขาอาจจะไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้ แต่เขาก็ยังพาทีมไปได้ไกลถึงรอบตัดเชือก 3 จาก 4 ทัวร์นาเมนต์ใหญ่ แถมยังก้าวไปถึงนัดชิงถึง 2 ครั้งอีกด้วย บอกตรงๆ ถ้าไม่อับโชคขนาดนี้ เซาธ์เกตคงได้ชูถ้วยสักครั้งไปแล้ว

ก่อนเตะรอบชิงมีการเรียกร้องให้มอบยศท่าน “เซอร์” ให้กับเซาธ์เกต ถ้าหากคว้าแชมป์ยูโร 2024 ได้ แต่เอาเข้าจริงๆ จากผลงานที่ผ่านมาจะมอบยศท่าน “เซอร์” ให้กุนซือวัย 53 ปี ก็ไม่น่าเกลียด!!

มะระหวาน

คลิกอ่านคอลัมน์ “ตะลุยฟุตบอลโลก” เพิ่มเติม