ไทยรัฐออนไลน์
สเปน ชนะ อังกฤษ คว้าแชมป์ ยูโร 2024 มาครองได้สำเร็จ และเป็นแชมป์รายการนี้สมัยที่ 4 ของพวกเขา
การแข่งขันฟุตบอล ยูโร 2024 รอบชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค. 67 ณ สนามโอลิมเปีย สตาดิโอน ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เป็นการพบกันระหว่าง “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ดวลเดือด “กระทิงดุ” ทีมชาติสเปน
เปิดฉากครึ่งแรกเหมือนทั้งสองทีมยังดูเชิงกันอยู่ ยังไม่กล้าเปิดเกมรุกเต็มสูบกันทั้งคู่ ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 0-0
กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 47 สเปน ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ ลามีน ยามาล ได้บอลทางฝั่งขวาก่อนเลี้ยงตัดเข้ากลางแล้วจ่ายเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ นิโก วิลเลียมส์ ซัดด้วยซ้ายเข้าไปตุงตาข่าย
จากนั้นนาทีที่ 66 สเปน เกือบได้เม็ดสอง เมื่อ เน้นๆ แต่ จอร์แดน พิคฟอร์ด ปัดออกไปได้
ถึงนาทีที่ 73 อังกฤษ ตามตีเสมอเป็น 1-1 จู๊ด เบลลิงแฮม จ่ายบอลย้อนมาหน้าเขตโทษให้ โคล พาลเมอร์ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองยิงเข้าไปไม่เหลือซาก
นาทีที่ 82 สเปน ได้ลุ้นจาก ลามีน ยามาล แต่ก็ยิงไม่ดีไปติดเซฟของ จอร์แดน พิคฟอร์ด
นาทีที่ 86 สเปน ขึ้นนำ อังกฤษ อีกครั้ง 2-1 จาก มิเกล โอยาร์ซาบัล
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม สเปน ชนะ อังกฤษ 2-1 คว้าแชมป์ ยูโร 2024 มาครองได้สำเร็จ และเป็นแชมป์รายการนี้สมัยที่ 4 ของพวกเขา
รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
สเปน : อูไน ซิมอน (GK); ดานี การ์บาฆาล, โรแบ็ง เลอ นอร์กม็องด์, อายเมอริค ลาปอร์กต์, มาร์ก กูกูเรยา, ดานี โอลโม, โรดรี, ฟาเบียน รุยซ์, ลามีน ยามาล, อัลบาโร โมราตา, นิโก วิลเลียมส์
อังกฤษ : จอร์แดน พิคฟอร์ด (GK), ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, มาร์ก เกฮี, บูกาโย ซากา, ดีแคลน ไรซ์, ค็อบบี้ เมนู, ลุค ชอว์, ฟิล โฟเดน, แฮร์รี เคน, จู๊ด เบลลิงแฮม