หน้าแรกแกลเลอรี่

ปล่อย “สิงโต” เข้าป่า

มะระหวาน

3 ก.ค. 2567 05:15 น.

รอดตายและพลิกเข้ารอบได้อย่างปาฏิหาริย์เลยทีเดียวสำหรับ “สิงโตคำราม” อังกฤษ ที่พลิกกลับมาชนะสโลวะเกีย ไป 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ตีตั๋วผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึกยูโร 2024

ก่อนเกม อังกฤษก็มีดีกรีเหนือกว่าทาง สโลวะเกีย อยู่หลายช่วงตัวอยู่แล้วแม้ว่าฟอร์มตลอด 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่มนั้นจะยังไม่เข้าตาจริงๆ ด้าน สโลวะเกีย แม้เป็นรอง แต่กำลังมั่นใจหลังลุยมาถึงรอบน็อกเอาต์ได้

เกมนี้แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทัพทรีไลออนส์ที่โดนด่าจนหูชาเรื่องตัวผู้เล่นก็ปรับแค่จุดเดียว แต่เป็นจุดที่ทุกคนเรียกว่าเปลี่ยนแล้วจะดี นั่นคือส่งค็อบบี ไมนู กองกลางดาวรุ่งจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จับคู่กลางสนามกับเดแคลน ไรซ์ มิดฟิลด์จากอาร์เซนอล

ก่อนหน้านี้นายใหญ่สิงโตลองทั้ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และคอนอร์ กัลลาเกอร์ คู่กับไรซ์ แล้วไม่เป็นผล จนต้องมาลองให้เล่นคู่กับ ไมนู จนทำให้ในวันนี้แผงมิดฟิลด์ของอังกฤษ สามารถขับเคลื่อนเกมได้อย่างไหลลื่นมากขึ้นกว่าเดิม

เพราะไมนูเป็นกองกลางที่เก็บบอลได้ พาบอลไปกับตัวได้ และสามารถแก้ปัญหาเมื่อโดนเพรสซิ่งได้ เท่านั้นยังไม่พอยังสามารถหาช่องและจ่ายบอลได้ดี เมื่อมาจับคู่กับไรซ์แล้ว มันค่อนข้างดูดีกว่าอีก 3 นัดที่ผ่านมา

แต่อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของ “สิงโตคำราม” ก็ยังไม่ดีมากเท่าไร โดนแข้งสโลวักเล่นงานจนแทบหัวหมุนตลอดทั้งเกมโดยเฉพาะจังหวะที่โดนบี้หนักๆในช่วงต้นเกม เรียกได้ว่า อังกฤษแทบจะไม่ได้ไปป้วนเปี้ยนแถวกรอบเขตโทษสโลวะเกียเลย จนสุดท้ายก็มาโดนอีวาน ชรานซ์ แนวรุกตัวเก่งของสโลวะเกีย ซัดประตูขึ้นนำไปก่อนในนาทีที่ 25

หลังจากโดนนำ อังกฤษก็พยายามจะตั้งเกมบุกเพื่อหวังตีเสมอคืนให้ไวที่สุด แต่พวกเขาก็ยังต่อบอลขาดๆ เกินๆ ไม่สามารถสร้างเกมรุกที่มีความอันตรายได้เลย เท่านั้นยังไม่พอยังมีการออกบอลผิดพลาดจนเกือบโดนบวกเพิ่มอีกก่อนจบด้วยการตามหลัง 0-1

พอครึ่งหลังอังกฤษก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้นทั้งๆที่มีจู๊ด เบลลิงแฮม, ฟิล โฟเดน, บูกาโย ซากา, แฮร์รี เคน ยืนค้ำอยู่ในแดนหน้า แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างจังหวะอันตรายได้ เรียกได้ว่ายังไม่มีลูกไหนตรงกรอบเลย แม้จะส่งโคล พาลเมอร์ ลงมาเปลี่ยนเกมแม้ดีขึ้น แต่ก็ยังขาดๆ เกินๆ กล้าๆ กลัวๆ ไปหมด แถมแนวรับสโลวักก็เล่นกันเหนียวแน่นพอตัว

แต่ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 5 สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นเมื่ออังกฤษได้ลูกทุ่ม (มาร์ค) เกฮี โหม่งเสยมากลางประตูและก็เป็นเบลลิงแฮม จักรยานอากาศส่งบอลมุดเข้าไปนอนซุกก้นตาข่ายได้แบบไม่น่าเชื่อ ทำให้อังกฤษตีเสมอ 1-1 ต้องไปเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษ

พอเริ่มช่วงต่อเวลาพิเศษนาทีแรก สโลวะเกีย ยังดูไม่เข้าที่ อังกฤษเดินหน้าบุกทันทีและได้ลูกฟาวล์ ก่อนเปิดเข้ามาทางมาร์ติน ดูบราฟกา ผู้รักษาประตูชาวสโลวักก็ชกออกมา ทางเอเบเรซี เอเซ ก็ยิงสวนกลับมาแต่ลูกแป้ก ก่อนไอแวน โทนีย์ จะโหม่งมากลางประตูก่อนจะเป็นเคนโหม่งเข้าไปให้ “สิงโตคำราม” พลิกนำ 2-1 ไปแบบไม่น่าเชื่อ ก่อนเอาชนะไปด้วยสกอร์ดังกล่าว ตีตั๋วเข้ารอบ 8 ทีมไปเจอกับ “นาฬิกา” สวิตเซอร์แลนด์ ต่อไป

แต่สิ่งที่เห็นวันนี้แม้ว่าฟอร์มอังกฤษจะยังไม่ดีเท่าไร แต่ต้องยอมรับหัวจิตหัวใจพวกเขาเลยว่าสู้เต็มที่ไม่มีถอยจนกว่ากรรมการจะเป่านกหวีดจบเกม และพวกเขาก็ยังแสดงให้เห็นแล้วว่า “สิงโต” ตัวนี้ยังไม่ตายง่ายๆ และการกลับมาเก็บชัยชนะในลักษณะนี้จะทำให้ผู้ชนะเรียกความมั่นใจกลับมาเกินกว่า 100 เปอร์เซ็นต์แน่นอน

บอกได้เลยว่าการที่สโลวะเกียปล่อย “สิงโต” ตัวนี้เข้าป่า (เข้ารอบ) ไปในครั้งนี้ จะทำให้ “สิงโต” ตัวนี้กลับมา “คำราม” อย่าง “ดุร้าย” โหดเหี้ยมมากขึ้นกว่าเดิม

มันส่งผลกระทบต่อทีมต่างๆ ในการไล่ล่า แชมป์เพราะด้วยสัญชาตญาณของ “สิงโต” แล้วถ้ามันยังไม่ได้สิ่งที่มันต้องการมันก็จะเพิ่มความดุร้ายมากขึ้น จนยากที่ใครจะหยุดพวกเขาจนกว่าจะถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้!!

มะระหวาน

คลิกอ่านคอลัมน์ “ตะลุยฟุตบอลโลก” เพิ่มเติม