หน้าแรกแกลเลอรี่

“เยอรมนี” แกร่ง ฟอร์มเหนือ “โคนม” ปูทางเข้ารอบ 8 ทีม “สวิส” หนักอัด “อิตาลี”

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

29 มิ.ย. 2567 05:17 น.

ศึกลูกหนังยูโร 2024 เดินทางมาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย วันนี้ (29 มิ.ย.) คู่เอก “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี แชมป์กลุ่มเอ และในฐานะเจ้าภาพดวลกับ “โคนม” เดนมาร์ก ทีมอันดับ 2 กลุ่มซี นัดนี้ ฮูเลียน นาเกลส์มันน์ เทรนเนอร์ชาวเยอรมันจัดเต็มส่งอิลคาย กุนโดกัน จามาล มูเซียลา ฟลอเรียนเวียร์ทซ์ และไค ฮาเวิร์ตซ์ ผนึกกำลังทะลวงประตูคู่ต่อสู้ ส่วนแคสเปอร์ ฮุลมันด์ นายใหญ่เลือดเดนส์ก็หวังจะสร้างเซอร์ไพรส์เช่นกัน ด้วยการจัดชุดที่ดีที่สุดเข้าสู้มีคริสเตียน อีริคเซน โยนาส โอลเดอร์วินด์ ราสมุส ฮอยลุนด์ เป็นตัวทีเด็ด คู่นี้ฟาดแข้งกันเวลา 02.00 น. อีกคู่ “อัซซูรี” อิตาลี แชมป์เก่าที่ผ่านเข้ารอบมาแบบกระท่อนกระแท่นเจอกับสวิตเซอร์แลนด์

ลูชาโน สปัลเลตติ เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียนส่งเฟเดริโก เคียซา ลอเรนโซ เปเลกรินี มาเตโอ เรเตกี ลงสอยตาข่าย ส่วนมูรัต ยาคิม กุนซือชาวสวิส ก็จะขนทัพใหญ่เข้าสู่เพื่อหวังทะลุเข้ารอบเช่นกัน โดยมีบรีล เอ็มโบโล มิเชล แอบิสเชอร์ แดน เอ็นดอย ฟาเบียน ไรเดอร์ เป็นตัวทีเด็ด คู่นี้ฟาดแข้ง เวลา 23.00 น. โดยทั้งสองคู่ช่องพีพีทีวี เอชดี 36 และทรูวิชั่นส์ ช่อง 603 ถ่ายทอดสด

ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์
ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์

การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ “ยูโร 2024” ที่ประเทศเยอรมนี เดินทางมาถึงรอบน็อกเอาต์ หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย วันนี้ (29 มิ.ย.) มีฟาดแข้งกัน 2 คู่ 2 สนาม คู่แรก “นาฬิกา” สวิตเซอร์แลนด์ ที่เข้ารอบมาเป็นอันดับ 2 กลุ่มเอ พบ “อัซซูรี” อิตาลี รองจ่าฝูงของกลุ่มบี เกมนี้ฟาดแข้งกันที่โอลิมปิก สเตเดียม กรุงเบอร์ลิน เวลา 23.00 น. ช่องพีพีทีวี เอชดี 36 และทรูวิชั่นส์ ช่อง 603 ถ่ายทอดสด

สวิตเซอร์แลนด์ผ่านเข้ารอบมาเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มเอ นัดนี้มูรัต ยาคิน เฮดโค้ชชาวสวิสจะไม่สามารถใช้งานของซิลวาน วิดเมอร์ กองกลางคนสำคัญ ที่ติดโทษแบนหลังสะสมใบเหลืองครบ 2 นัด แต่ตำแหน่งอื่นๆยังอยู่กันครบ จะลงเล่นในระบบ 3-4-2-1 เหมือนเดิม ยานน์ ซอมเมอร์ ผู้รักษาประตูจอมเก๋าลงเฝ้าเสาเป็นมือ 1 แนวรับวางฟาเบียน แชร์ มานูเอล อาคันจี ริคาร์โด โรดริเกวซ ยืนเป็น 3 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟรูเบน วาร์กัส จะลงทำหน้าที่แทน วิดเมอร์ ขับเคลื่อนเกมกลางสนามร่วมกับกรานิต ชากา กัปตันทีม เรโม ฟลอยเลอร์, มิเชล แอบิสเชอร์ โดยมีแดน เอ็นดอย ฟาเบียน ไรเดอร์ รับหน้าที่สร้างสรรค์เกมรุก แดนหน้าวางบรีล เอ็มโบโล กองหน้าตัวเก่งลงยืนหน้าเป้า

ทีมชาติอิตาลี
ทีมชาติอิตาลี

ขณะที่ “อัซซูรี” อิตาลี แชมป์เก่าเข้ารอบมาเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มบี เกมนี้ลูชาโน สปัลเลตติ เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียน จะหมดสิทธิ์ใช้งานของริคคาร์โด กาลาฟิโอรี ฮีโร่ที่ยิงประตูตีเสมอพาทีมเข้ารอบ เนื่องจากติดโทษแบนหลังสะสมใบเหลืองครบ 2 ใบ ทำให้เฟเดริโก กัตติ จะลงคุมแนวรับร่วมกับ จิโอวานนี ดิ ลอเรนโซ อเลสซานโดร บาสโตนี เฟเดริโก ดิมาร์โก แทน ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ไม่มีเปลี่ยนแปลง จอร์จินโญคุมจังหวะเกมร่วมกับนิโคโล บาเรลลาและดาวิเด ฟรัตเตซี แดนหน้าวางเฟเดริโก เคียซา ทางฝั่งขวา ส่วนลอเรนโซ เปเลกรินี ดูแลทางซ้าย มีมาเตโอ เรเตกี ลงยืนหน้าเป้าคอยเข้าฮอสจบสกอร์

ทั้งสองทีมจะใส่กันยับแน่นอน เพราะทีมแพ้ไม่มีโอกาสแก้ตัวแล้ว อิตาลีแชมป์เก่าศักยภาพเหนือกว่าเล็กน้อย แต่หากนับจากฟอร์มการเล่นต้องยกให้ สวิตเซอร์แลนด์ที่ทำผลงานได้ดีตลอดในรอบแรกที่ผ่านมา ทั้งรุกและรับเล่นกันได้อย่างครบเครื่องน่าจะสร้างปัญหาให้กับทางทัพมะกะโรนีได้พอสมควร รูปเกมจะออกมาสนุกคู่คี่สูสีกันตลอดทั้ง 90 นาที แม้ว่าอิตาลีฟอร์มโดยรวมจะยังไม่เข้าตา แต่ด้วยประสบการณ์ในเกมระดับนี้ที่โชกโชนมากกว่าเชื่อว่า “อัซซูรี” จะเบียดเอาชนะไปได้ในที่สุด

ส่วนอีกคู่ในรอบ 16 ทีม “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี เจ้าภาพที่ผ่านเข้ารอบเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มเอ จะบดแข้งกับ “โคนม” เดนมาร์ก ที่ผ่านเข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มซี ที่ซิกแนล ไอดูนา พาร์ค เมืองดอร์ทมุนด์ เวลา 02.00 น. ช่องพีพีทีวี เอชดี 36 และทรูวิชั่นส์ ช่อง 603 ถ่ายทอดสด

“อินทรีเหล็ก” เยอรมนี แชมป์กลุ่มเอ ของ ฮูเลียน นาเกลส์มันน์ กุนซือเลือดเยอรมัน เกมนี้มีปัญหาเล็กน้อยเมื่อโจนาธาน ทาห์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวเก่งติดโทษแบน หลังสะสมใบเหลืองครบ 2 ใบ ทำให้นิโก ชล็อตเตอร์เบค จะได้ลงคุมแนวรับแทน พร้อมกับโจซัว คิมมิช อันโตนิโอ รูดิเกอร์ และแม็กซิมิเลียน มิทเทลชเตดท์ ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด โทนี โครส กองกลางจอมเก๋าบัญชาเกมกลางสนามร่วมกับโรเบิร์ต อันดริช แนวรุก อิลคาย กุนโดกัน กัปตันทีม ผนึกกำลัง จามาล มูเซียลา ฟลอเรียน เวียร์ทซ์ ปั้นเกมรุก แดนหน้าวางใจไค ฮาเวิร์ตซ์ รับหน้าที่กองหน้าตัวเป้าคอยล่อเป้า

ทีมชาติเดนมาร์ก
ทีมชาติเดนมาร์ก

“โคนม” เดนมาร์ก ผ่านเข้ารอบมาเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มซี ด้วยสถิติเสมอรวด 3 นัด เกมนี้แคสเปอร์ ฮุลมันด์ นายใหญ่เลือดเดนส์ จะหมดสิทธิ์ใช้งานของมอร์เตน ฮูลมานด์ กองกลางตัวเก่งที่ติดโทษแบนหลังสะสมใบเหลืองครบ 2 ใบ แต่คนอื่นๆยังอยู่กันพร้อมหน้า โดยจะลงเล่นในระบบ 3-4-1-2 แนวรับวางโจอาชิม แอนเดอร์สัน อันเดรียส คริสเตียเซน ยานนิค เวสเตอร์การ์ด ยืนเป็น 3 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ปิแอร์-เอมิล ฮอยจ์เบิร์ก กองกลางตัวเก่งผนึกกำลังกับอเล็กซานเดอร์ บาห์ โทมัส เดอลานีย์ ราสมุส คริสเตนเซน ขับเคลื่อนเกมกลางสนาม คริสเตียน อีริคเซน รับบทเพลย์เมกเกอร์ปั้นเกมรุก แดนหน้าวางโยนาส โอลเดอร์ วินด์ จับคู่กับราสมุส ฮอยลุนด์ ยืนเป็นคู่หัวหอก

เยอรมนีทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบแรกแม้ว่าจะสะดุดในเกมนัดสุดท้าย ทว่าโดยรวมก็ยังแข็งแกร่ง ด้านเดนมาร์กผ่านเข้ารอบมาด้วยสถิติเสมอ 3 นัดรวด แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขามีปัญหาในการจบสกอร์ แต่เรื่องของแนวรับนั้นพวกเขาโดดเด่น น่าจะสร้างปัญหาให้กับแนวรุกเจ้าภาพได้พอสมควร รูปเกมจะเป็นทาง “อินทรีเหล็ก” เดินหน้าเปิดเกมรุกเข้าใส่แบบวันเวย์ แม้ว่าแนวรับ “โคนม” จะเหนียวแน่น แต่ด้วยจังหวะเข้าทำที่เด็ดขาดของทั้งฮาเวิร์ตซ์ กุนโดกัน มูเซียลา และเวียร์ทซ์ น่าจะช่วยยิงพาทีมเจ้าภาพเก็บชัยชนะไปได้ในที่สุด

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่