หน้าแรกแกลเลอรี่

เก้าอี้ดนตรี

มะระหวาน

3 เม.ย. 2567 05:12 น.

ได้ลุ้นกันสนุกเลยทีเดียวสำหรับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ เพราะสถานการณ์การครองหัวตารางนั้นพลิกผันได้ตลอด โดยไม่มีทีมไหนสามารถจับจองจ่าฝูงได้อย่างถาวร ล่าสุดก็เป็น “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่กลับไปยืนหัวตารางอีกครั้ง

เกมพรีเมียร์ลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา “หงส์แดง” เล่นก่อนเป็นคู่แรกต้องการ 3 แต้มเพื่อที่จะทะยานแซงไปรั้งจ่าฝูง เพราะคู่หลังเป็นการพบกันของแมนฯ ซิตี้ ดวลกับ อาร์เซนอล มีโอกาสตัดแต้มกันสูงทำให้ลิเวอร์พูลต้องการชัยชนะ เพื่อที่จะกดดันคู่ที่แข่งทีหลัง

และก็เป็นไปตามคาดเมื่อ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ไบรท์ตัน ไปได้ 2-1 แม้ว่าช่วงแรกๆ อาจจะเสียวสักนิดเมื่อทาง “นกนางนวล” ออกนำไปตั้งแต่ไก่โห่ แต่สุดท้าย “หงส์แดง” ก็มารัวแซงไปได้ ทะยานขึ้นไปรั้งจ่าฝูงได้ตามคาดเก็บเพิ่ม 67 แต้มจาก 29 นัด

เมื่อ “หงส์แดง” ทำภารกิจได้สำเร็จงานหนักก็มาตกอยู่ที่คู่หลังในเกมซุปเปอร์บิ๊กแมตช์ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงเล่นในบ้านต้อนรับการมาเยือนของ “เดอะกันเนอร์ส” อาร์เซนอล ถ้าไม่มีผู้แพ้หรือผู้ชนะก็จะทำให้ ลิเวอร์พูล รั้งตำแหน่งจ่าฝูงต่อไป

ขณะเดียวกันหากอาร์เซนอล เอาชนะ ก็จะทวงจ่าฝูงคืนมาได้ แต่ถ้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะก็ขยับขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงแทน “ไอ้ปืนใหญ่” พร้อมกับไล่บี้ “หงส์แดง” เหลือเพียงแค่แต้มเดียว

ซึ่งผลคู่ระหว่าง “เรือใบสีฟ้า” กับ “เดอะกันเนอร์ส” ก็ไม่เหนือความคาดหมายเมื่อทั้งสองเสมอกันไป 0-0 แบ่งกันไปทีมละแต้ม แม้ว่าผลจะเสมอแต่บอกได้เลยว่าเกมของทั้งคู่มันส์หยดแลกกันหมัดต่อหมัดเสียอย่างเดียวขาดแค่สกอร์เท่านั้น

จากผลเสมอล่าสุดทำให้สถานการณ์บนตารางพรีเมียร์ลีก เป็น “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ครองจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก มี 67 แต้มจาก 29 นัด ตามมาด้วย “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ที่มี 65 คะแนนจาก 29 นัด และอันดับ 3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มี 64 คะแนนจาก 29 นัด

เรียกได้ว่าสถานการณ์การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในตอนนี้ต้องดูกันนัดต่อนัดเพราะหากใครพลาดก็มีโอกาสที่จะร่วงไปมากสุดถึงอันดับ 3 เลยทีเดียว ทำให้หลังจากนี้อีก 9 นัดที่เหลือทุกทีมจะพลาดไม่ได้อีกแล้ว

จากการแย่งชิงแชมป์พรีเมียร์ลีกที่เข้มข้นในซีซันนี้ เมื่อหันไปมองบนหัวตารางของบรรดาลีกเพื่อนบ้านในแต่ละลีกนั้นกลับสวนทางกันโดยสิ้นเชิง เนื่องจากแต่ละลีกโดยเฉพาะลีกยักษ์ใหญ่ก็แทบจะได้แชมป์เป็นที่เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นบุนเดสลีกา เยอรมัน ที่แชมป์น่าจะไม่พลาดตกเป็นของ เลเวอร์คูเซน ที่นำห่างบาเยิร์น มิวนิก ถึง 13 แต้มด้วยกัน

ขณะที่ลา ลีกา สเปน จ่าฝูง “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ที่นำห่าง “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลนา รองจ่าฝูง อยู่ 8 แต้ม เช่นเดียวกับ กัลโช ซีรีเอ อิตาลี “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน ที่นำห่างเอซี มิลาน รองจ่าฝูงถึง 11 คะแนน ส่วนลีก เอิง ฝรั่งเศส แชมป์ก็คงไม่พ้นมือของปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่นำห่างแบรสต์ รองจ่าฝูง ถึง 12 คะแนนด้วยกัน

ตอนนี้มีเพียงแค่พรีเมียร์ลีกเท่านั้นสมราคาที่ถูกยกให้เป็นลีกที่ยากที่สุดในโลก เนื่องจากไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ว่าใครจะคว้าแชมป์ไปครอง หลังจากนี้ไปอีก 9 นัดที่เหลือเชื่อว่าทั้ง 3 ทีมจะใส่กันไม่ยั้งแต่เมื่อเห็นโปรแกรมของแต่ละทีมมีทั้งยากและง่ายปะปนกันไป

แม้ว่า “หงส์แดง” จะนำเป็นจ่าฝูงแต่การเก็บชัยชนะ 9 นัดรวดก็ไม่ง่ายเช่นกัน เช่นเดียวกับ “ไอ้ปืนใหญ่” และ “เรือใบสีฟ้า” ตอนนี้ต้องมาลุ้นกันว่าใครจะพลาดมากกว่ากัน

ใครสะดุดเสียแต้มไปทีมอื่นก็พร้อมจะขึ้นมานั่งเก้าอี้ดนตรี (บัลลังก์จ่าฝูง) แทนทันที และสุดท้ายใครนั่งได้ไว (ชนะมากที่สุด) ก็จะคว้าแชมป์ไปครอง!!

มะระหวาน

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่