หน้าแรกแกลเลอรี่

“ไก่” ยุคใหม่สุดไฉไล

มะระหวาน

13 ต.ค. 2566 05:02 น.

หลังจากเปิดฤดูกาล 2023–2024 เป็นต้นมาจนถึงบัดนี้ทุกทีมฟาดแข้งกันไปแล้ว 8 นัดใครจะเชื่อว่าทีมที่นำอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงจะเป็นของ “ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ทีมแกร่งจากกรุงลอนดอน

ก่อนหน้านี้ ทอตแนมมีปัญหามากมายในช่วงฤดูกาลที่แล้ว โดยเฉพาะปัญหาเรื่องของโค้ชอย่างอันโต นิโอ คอนเต กุนซือชาวอิตาเลียน ที่ป่วนจนทีมรวนไปหมด จนจบได้แค่อันดับ 8 ของตาราง ทำให้ชวดไปเล่นบอลยุโรป

แต่พอมาในซีซันนี้กลับโชว์ฟอร์มได้ดีจากหน้ามือเป็นหลังมือจะต้องยกความดีความชอบให้ใครไม่ได้นอกจากอังเก พอสเตโคกลู กุนซือชาวออสเตรเลียน ที่ฝ่าฟันปัญหาจนพา “ไก่” ขึ้นมายืนเบอร์ 1 ในตอนนี้

ก่อนเริ่มต้นในฤดูกาลนี้ สเปอร์สก็ยังมีเครื่องหมายคำถามเมื่อได้อังเกเข้ามาคุมทัพ เพราะแทบจะไม่มีใครรู้จักหรือรู้ฝีมือของกุนซือรายนี้เลย รู้แค่ว่าคุมทัพกลาส โกว์ เซลติก ยอดทีมจากแดนวิสก้ีคว้าแชมป์ลีกเท่านั้น

แถมยังไม่เคยคุมทีมในยุโรปมาก่อนเลย ปกติคุมในออสเตรเลียและญี่ปุ่นเท่านั้นจนทำให้สาวกสเปอร์สต่างมีเครื่องหมายคำถามกับอังเกว่าจะไหวกับลีกที่เรียกว่าเป็นลีกที่แกร่งที่สุดในโลกหรือไม่??

เท่านั้นยังไม่พอ “ไก่เดือยทอง” ยังต้องเสีย แฮร์รี เคน กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเป็นดาวซัลโวตำนานของทีมไปให้กับ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก ทีมแกร่งจากบุนเดสลีกาอีก ทำให้บรรดาแฟนบอลเริ่มใจเสียกับสภาพทีมซีซันนี้

การเข้ามาของอังเกนั้นได้ปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ในทีมสเปอร์สใหม่เกือบแทบทั้งหมด อย่างแรกคือทำให้ห้องแต่งตัวเป็นที่ปลอดภัยสำหรับนักเตะไม่มีการต่อว่าต่อขานนักเตะด้วยอารมณ์ นอกจากนั้น อังเกไม่เคยโทษนักเตะหากทำผิดพลาด แต่เขาเลือกที่จะปรับปรุงโดยใช้การซ้อมเพิ่มเป็นรายบุคคลแทน เพื่อเพิ่มศักยภาพนักเตะไปในตัว

นอกจากนั้นในการเล่นในบ้านจะอนุญาตให้นักเตะกลับไปนอนที่บ้านของตัวเองไม่ใช่มานอนด้วยกันที่สนามฝึกซ้อมและนอนในที่นั้นๆ เพื่อให้นักเตะผ่อนคลายมากที่สุด ก่อนจะมารวมตัวกันที่สนามตอนเช้าแทน ทำให้นักเตะมีความสุขมากขึ้นก่อนที่จะลงแข่ง

ขณะเดียวกันเรื่องการดึงนักเตะเข้ามาเสริมทัพก็มีส่วน การได้เจมส์ แมดดิสัน เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติอังกฤษ และ มิคกี ฟาน เดอ เวน ปราการหลังเลือดดัตช์ เข้ามาเสริมทัพทำให้ทุกอย่างค่อนข้างลงตัว อดีตแข้งเลสเตอร์สามารถปลดล็อกตัวเองให้เห็นถึงความเก่งที่แท้จริง จนทำให้เกมรุกของ ทอตแนมน่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิม ผ่านไป 8 นัดเขายิงไป 2 ประตูและทำ 5 แอสซิสต์เข้าไปแล้ว

แต่ที่น่าเซอร์ไพรส์สุดก็คือ มิคกี ที่ไปดึงตัวมาจากโวล์ฟสบวร์ก ก็เข้ามาจับคู่กับคริสเตียน โรเมโรได้อย่างแข็งแกร่งและเหนียวแน่นแบบไม่น่าเชื่อ เช่นเดียวกับ 2 แบ็กขวาซ้ายอย่างเปโดร ปอร์โร และเดสตินี อูโดกี หรือแม้กระทั่ง เอเมอร์สัน รอยัล ที่อังเกปรับการขึ้นเกมเล็กน้อยจนทำให้ตอนนี้ฟูลแบ็กทั้งหมดเดินเกมรุกได้สะเด่าแข้งจริงๆ

ขณะเดียวกัน อีฟส์ บิสซูมา กองกลางวัย 27 ปี ที่ไม่ได้รับโอกาสจากคอนเตกลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในมือของอังเก เช่นเดียวกับปาเป มาตาร์ ซาร์ ที่จับคู่กับบิสซูมาได้ลงตัว

เช่นเดียวกับการปรับ ซน เฮือง มิน กัปตันทีมคนใหม่ขึ้นไปยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าจนโชว์ฟอร์มได้เจ๋งจริงๆ ยิงไป 6 ประตูจาก 7 นัดในลีก เรียกได้ว่าดาวยิงโสมขาวได้กลับมาผงาดอีกครั้งหลังจากถูกซุกไว้ใต้ปีกของเคนมาตลอด

แค่เพียง 100 วันเท่านั้นที่อังเกมารับตำแหน่งกุนซือคนใหม่ของทอตแนมก็สามารถแปลงโฉมให้ “ไก่เดือยทอง” ที่แทบจะกลายเป็นไก่แก่ในซีซันที่แล้วให้ กลับมาเป็น “พญาไก่” อีกครั้งเหมือนยุครุ่งเรืองที่เมาริซิโอ โปเชตติโน อดีตกุนซือชาวอาร์เจนไตน์คุมทัพอยู่

แม้ว่าตอนนี้ยังไม่สามารถจะตัดสินอะไรได้ ว่าสเปอร์สจะจบอันดับไหนในซีซันนี้เพราะเพิ่งจะเป็นการเริ่มต้น

แต่การที่พวกเขาแหวกบรรดาเสือสิงห์กระทิง แรดอย่าง แมนฯ ซิตี้, อาร์เซนอล และลิเวอร์พูล ขึ้นไปยืนเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกได้นั้น แสดงให้เห็นแล้วว่าฝีมือของ “อังเก” ไม่ธรรมดาจริงๆ

ดีไม่ดีจบฤดูกาลนี้อาจจะมีเซอร์ไพรส์ก็เป็นได้!!

มะระหวาน

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่