มะระหวาน
จบไปแล้วสำหรับศึกชิงโล่การกุศล หรือ “คอมมูนิตี้ ชิลด์” เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล โกงความตายในวินาที สุดท้ายยิงตีเสมอแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1–1 ก่อนจะ ดวลจุดโทษเอาชนะไปได้ 4–1 ผงาดคว้าแชมป์ ในปีนี้ไปครอง
จากการคว้าแชมป์ในเกมนี้ของอาร์เซนอล เหมือนเป็นการส่งสัญญาณแจ้งให้แมนฯ ซิตี้ ได้ทราบ แล้วว่าปีนี้เอาจริงมากกว่าเดิมระวังหลังเอาไว้ให้ดีๆ หากเผลอเมื่อไรพวกเขาก็พร้อมที่จะโค่นบัลลังก์ของ “เรือใบสีฟ้า” ทันที
เอาเข้าจริงๆในซีซันนี้อาร์เซนอลก็เสริมทัพ ได้น่ากลัว ทั้งเดแคลน ไรซ์, เยอร์เรียน ทิมเบอร์, ไค ฮาเวิร์ตซ์ ย้ายเข้ามาทำให้ขุมกำลังของ “เดอะ กันเนอร์ส” ที่ดีอยู่แล้วก็เพิ่มศักยภาพและมีความสมดุลมากขึ้น
ส่วนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จริงๆไม่ต้องเสริมทัพ ก็ได้ เพราะขุมกำลังที่มีอยู่ก็แข็งแกร่งเพียงพอที่จะป้องกันทริปเปิลแชมป์เอาไว้ได้อีกสมัยด้วยซ้ำไป แต่หากไม่เสริมเลยมันก็จะดูไม่มีความสดชื่นในขุมกำลัง
เลยจัดมาทั้งมาเตโอ โควาซิช และโจสโก กวาร์ดิโอล มาร่วมทีม ทำให้ตอนนี้ขุมกำลังของเป๊ป กวาร์ดิโอลานั้น ค่อนข้างสมบูรณ์จริงๆ โดยเฉพาะแนวรับนั้นแข็งแกร่งดุจดังหินผา
ไม่ว่าจะเป็นรูเบน ดิอาส, จอห์น สโตนส์, ไคล์ วอล์คเกอร์, เนธาน อาเก, มานูเอล อาคันจี, อายเมอริค ลาปอร์ต บวกกับกวาร์ดิโอล เข้าไปอีกคน ถามจริงๆแนวรุกทีมไหนจะเจาะเข้าไปพังประตูได้
นอกจากเต็งหนึ่งอย่างแมนฯ ซิตี้ และเต็งสอง อย่างอาร์เซนอล ในการลุ้นแชมป์ลีกแล้ว ปีนี้บรรดาผู้ท้าชิงทีมอื่นๆก็จัดเต็มพร้อมที่จะไล่ล่าแชมป์ลีกมาครองเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นลิเวอร์พูลที่ถ่ายเลือดใหม่ชุดใหญ่ ปล่อยแข้งเก๋าและพวกที่อยู่มานานออกไปหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นจอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โรแบร์โต ฟีร์มิโน, ฟาบินโญ และเจมส์ มิลเนอร์ ออกจากทีม
แม้ว่าจะได้แค่อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ โดมินิค โซโบซไล เข้ามาเสริมทัพเพียงแค่ 2 ราย แต่ขุมกำลังที่มีอยู่ค่อนข้างจัดจ้านอยู่แล้ว หากไม่มี นักเตะบาดเจ็บซะอย่างเดี๋ยวลูกทีมเจอร์เกน คลอปป์ ก็จะเป็นก้างขวางคอชิ้นโตให้กับบรรดาแย่งแชมป์ได้เช่นกัน แถมดีไม่ดีจะเป็นตาอยู่หยิบแชมป์ไปครองก็เป็นได้
ส่วนอีกทีมที่น่าสนใจก็คงเป็น “ปิศาจแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เสริมทัพได้เร้าใจไม่แพ้กัน ทั้ง เมสัน เมาท์, อองเดร โอนานา และราสมุส ฮอยลุนด์ บวกกับตัวเดิมๆที่มีอยู่อย่างบรูโน แฟร์นันเดส, มาร์คัส แรชฟอร์ด, คาเซมิโร, อันโตนี, คริสเตียน อีริคเซน, จาดอน ซานโช, ราฟาเอล วาราน, ลิซานโดร มาร์ติเนซ ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
ถ้าเอริค เทน ฮาก นายใหญ่ชาวดัตช์ สามารถดึงเอาความสม่ำเสมอของลูกทีมออกมาได้ละก็จะทำให้ “ปิศาจแดง” เป็นม้ามืดตัวหนึ่งที่จะคว้าแชมป์ลีกมาครองได้เช่นกัน
อีกทีมที่จะบอกว่าดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาก็คือ เชลซี ที่ได้ตัวของเมาริซิโอ โปเชตติโน กุนซือมากฝีมือชาวอาร์เจนไตน์ เข้ามาคุมทัพ ก็มาปรับระบบ “สิงห์บลู” ให้แข็งแกร่งและน่ากลัวขึ้นพอสมควร อาจจะก้าวไม่ถึงถ้วยแชมป์ แต่ก็มีลุ้นแย่งพื้นที่ท็อปโฟร์ได้เช่นกัน ขณะที่ “สาลิกา” นิวคาสเซิล ก็ไม่ ธรรมดาได้ทั้งซานโดร โตนาลี, ฮาร์วีย์ บาร์นส์ เข้ามา เสริมทัพทำให้เป็นอีกหนึ่งทีมที่จะประมาทไม่ได้
บอกตรงๆ เมื่อเห็นรายชื่อนักเตะในพรีเมียร์ลีก แล้วถึงกับร้องซี้ด เพราะรวมบรรดาซุปเปอร์สตาร์ชั้นนำของโลกเอาไว้มากมาย รับรองว่าปีนี้การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกน่าจะฟาดกันยับและเข้มข้นมากกว่าเดิม ทุกคะแนนมีค่าดุจดังทองคำทุกทีมจะพลาด ไม่ได้เลย เพราะมีโอกาสสูงที่จะตัดสินแชมป์ด้วยแต้มเดียวหรือสองแต้มเท่านั้น
ดูจากฟอร์มการเล่นในเกมคอมมูนิตี้ ชิลด์ ที่ “ปืน” ฟัด “เรือใบ” แล้ว หรือเช่นเดียวกับบรรดา ผู้ท้าชิงเสริมทัพกันยกใหญ่ บอกเลยปีนี้พรีเมียร์ลีก จะเดือดและดูสนุกกว่าปีที่ผ่านๆมาแน่นอน.
มะระหวาน