มะระหวาน
คำว่า “กาลาติกอส” ในภาษาสเปน มีความหมายคล้ายว่า “กาแล็กซี” ในภาษาอังกฤษ ซึ่งคำดังกล่าวในวงการลูกหนังจะนำมาเรียกทีมที่รวมซุปเปอร์สตาร์ฝีเท้าดีค่าตัวแพงเข้ามาอยู่ทีมเดียวกัน หรือเข้าใจง่ายๆก็คือ “ทีมรวมดาราซุปเปอร์สตาร์”
และชื่อ “กาลาติกอส” จะนำมาใช้เรียกทีม “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่จากแดนกระทิงดุ ที่ตอนนั้นฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสร ได้เริ่มต้นที่จะดึงซุปเปอร์สตาร์ชั้นนำของโลกเข้ามาร่วมทีม
กาลาติกอสยุคแรกนั้นเริ่มต้นในปี 2000 จนถึงปี 2006 เมื่อ “ชุดขาว” ได้เดินหน้าคว้าตัวของนักเตะชื่อดังมาร่วมทีม เริ่มต้นจากหลุยส์ ฟิโก (บาร์เซโลนา), โคลด์ มาเกเลเล (เซลตา), ซีเนอดีน ซีดาน (ยูเวนตุส), โรนัลโด (อินเตอร์), เดวิด เบคแคม (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), ไมเคิล โอเวน (ลิเวอร์พูล), โรบินโญ (ซานโตส) และเซร์คิโอ รามอส (เซบีญา)
ทั้งหมดได้ดึงตัวมากันปีละคนสองคนและมารวมกับบรรดาซุปเปอร์สตาร์ของทีมที่มีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นราอูล กอนซาเลส, โรแบร์โต คาร์ลอส, เฟร์นันโด เอียโร, กูตี, อิเคร์ คาซิยาส, เฟร์นานโด มอริเอนเตส หรือแม้กระทั่ง สตีฟ แม็คมานาน
โดยในยุคแรกใน “กาลาติกอส” ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากเท่าที่ควรแม้ว่าจะมีซุปเปอร์สตาร์มากมาย คว้าแชมป์ลา ลีกาไป 3 ครั้ง, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 1 ครั้ง เท่านั้น
หลังผลงานดูพังไม่เป็นท่ากับยอดเงินที่จ่ายไปแต่ “ราชันชุดขาว” ก็ไม่ยอมแพ้เริ่มต้นสร้าง “กาลาติกอส” ยุค 2 อีกครั้ง เริ่มต้นจากปี 2009-2014 ยังคงคอนเซปต์เดิมดึงนักเตะสตาร์ดังในแต่ละปีมาร่วมทีมไม่ว่าจะเป็นกากา (มิลาน), คาริม เบนเซมา (ลียง), คริสเตียโน โรนัลโด (แมนฯ ยูไนเต็ด), ชาบี อลอนโซ (ลิเวอร์พูล), เมซุส โอซิล (เบรเมน), ลูกา โมดริช (สเปอร์ส), แกเร็ธ เบล (สเปอร์ส) และโทนี โครส (บาเยิร์น)
ซึ่งในยุคที่ 2 นี้ถือว่าค่อนข้างประสบความ สำเร็จพอตัวคว้าแชมป์ลา ลีกา 2 สมัย โคปา เดล เรย์ 2 สมัย, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 4 สมัย และแชมป์สโมสรโลก 4 สมัยด้วยกัน โดยยุคนี้จบลงในฤดูกาล 2017-2018
แต่ช่วงหลังจากจบยุคที่ 2 ทาง “ราชันชุดขาว” ก็ยังเดินหน้าโปรเจกต์ “กาลาติกอส” ต่อเนื่องเป็นยุคที่ 3 กันแล้วเริ่มต้นในปี 2018 ซึ่งครั้งนี้เต็มไปด้วยนักเตะอายุยังน้อยไม่ว่าจะเป็นวินิซิอุส จูเนียร์ (ฟลาเมงโก), เอแดร์ มิลิเตา (ปอร์โต), โรดรีโก (ซานโตส), เอดูอาร์โด คามาวิงกา (แรนส์), ฟาร์ แลนด์ เมนดี (ลียง), ออเรลเลียง ชูอาเมนี (โมนาโก)
ซึ่งทีมชุดนี้ก็ช่วยกันสร้างผลงานคว้าแชมป์ ลา ลีกา ไป 2 สมัย และยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ไป 1 สมัย, โคปา เดล เรย์ 1 สมัย รวมถึงแชมป์สโมสร โลก 1 สมัย เรียกได้ว่าในยุคที่ 3 เริ่มจะทำผลงาน ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
และล่าสุด เรอัล มาดริด เพิ่งดึงตัวของจูด เบลลิงแฮม กองกลางทีมชาติอังกฤษจากดอร์ทมุนด์ มาร่วมก๊วนหมาดๆ ค่าตัวเบื้องต้น 103 ล้านยูโร (ประมาณ 3,860 ล้านบาท) หลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา แถมก่อนหน้านี้ยังได้เซ็นสัญญาคว้าเด็กระเบิดอย่าง เอ็นดริก เฟลิเป ดาวรุ่งมหัศจรรย์ชาวบราซิเลียนวัย 16 ปี จากสโมสรพัลไมรัส มาร่วมทีมเป็นที่เรียบร้อย
เหลือแค่เจ้าของสถิติยิงในระดับเยาวชนไป 165 ประตูจาก 169 นัดที่ลงสนามอายุครบ 18 ปีเมื่อไรก็จะบินมาอยู่ในถิ่นซานติอาโก เบอร์นาบิว ทันที
ลองคิดดูว่าถ้าในฤดูกาล 2024-2025 เรอัล มาดริด จะได้ตัวของคีเลียน เอ็มบัปเป กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสมาร่วมก๊วนอีกราย หลังจากเจ้าตัวยืนยันว่าจะไม่ต่อสัญญากับปารีส แซงต์ แชร์กแมง อีกแล้ว
แค่ตัวผู้เล่นตอนนี้ของเรอัล มาดริด ก็แกร่งไม่รู้จะแกร่งอย่างไร แม้ว่าอายุจะไม่เยอะ แต่ฝีเท้าแต่ละคนฉกาจฉกรรจ์เหลือเกิน หากได้เอ็มบัปเป มาเสริมแกร่งจริงๆ ละก็กลายเป็นทีมที่ดูน่าตื่นเต้นมากที่สุดอีกทีมก็ว่าได้
ดีไม่ดีกาลาติกอสยุคที่ 3 มีโอกาสสูงที่จะประสบความสำเร็จมากกว่า 2 รุ่นที่ผ่านมาก็เป็นได้!!
มะระหวาน