หน้าแรกแกลเลอรี่

ไม่มีปาฏิหาริย์

มะระหวาน

31 พ.ค. 2566 05:08 น.

ไม่มีปาฏิหาริย์สำหรับ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ สุดท้ายก็ร่วงไปเล่นใน “เดอะ แชมเปียนชิป” ในฤดูกาลหน้าแม้ว่าจะเอาชนะ เวสต์แฮม 2-1 ได้ในเกมสุดท้ายแต่ก็ไม่เพียงพอต่อการรอดตกชั้น

ก่อนลงสนามเลสเตอร์ ซิตี้ มีเงื่อนไขก่อนแข่งคือต้องเอาชนะเวสต์แฮม และคอยลุ้นให้ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ไม่ชนะบอร์นมัธ ก็จะทำให้ “จิ้งจอกสยาม” รอดพ้นตกชั้น

วันนี้เลสเตอร์มาด้วยความมุ่งมั่นมากๆ และทำได้ดีเลยทีเดียว โดยออกนำไปก่อนจากฮาร์วีย์ บาร์นส์ นาทีที่ 34 ซึ่งตอนนี้สาวก “เดอะ ฟ็อกซ์” เฮกันสนั่นเพราะอีกคู่เอฟเวอร์ตัน ยังยิงประตูไม่ได้ ทำให้เลสเตอร์ยังมีลุ้นรอดตกชั้น

จนมาถึงนาทีที่ 57 สาวก “จิ้งจอกสยาม” ต้องเงียบกริบเมื่ออับดูลาย ดูกูเร ยิงให้เอฟเวอร์ตัน ขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากสกอร์นี้ทำให้เลสเตอร์ต้องหล่นกลับไปรั้งอันดับ 18 ที่เป็นพื้นที่ตกชั้น

แม้ว่าเลสเตอร์จะยิ่งเล่นยิ่งคึกจนขึ้นนำ 2-0 แต่ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ก็ยังรักษาสกอร์นี้เอาไว้ได้ จนจบเกม เลสเตอร์ เอาชนะเวสต์แฮม ไปได้ 2-1 แต่เอฟเวอร์ตันชนะบอร์นมัธ 1-0 ส่งผลให้เอฟเวอร์ตันรอดตกชั้นไปทันที

ทำให้ “ทอฟฟี่” สร้างประวัติศาสตร์เป็นสโมสรที่เล่นอยู่ในลีกสูงสุด (ดิวิชัน 1 และพรีเมียร์ลีก) ในประเทศอังกฤษยาวนานที่สุดมากถึง 121 ซีซัน และยังทำสถิติเล่นลีกสูงสุดติดต่อกันนานที่สุด 70 ฤดูกาลติดต่อกัน เป็นรองเพียงแค่อาร์เซนอลที่เล่นลีกสูงสุด 98 ฤดูกาลติดต่อกัน

การตกชั้นของเลสเตอร์ ซิตี้ ทำให้ทีมกลับไปเล่นใน “เดอะ แชมเปียนชิป” ครั้งแรกในรอบ 9 ปี

เรียกได้ว่าตลอด 7 ซีซันที่ “จิ้งจอกสยาม” โลดแล่นอยู่บนลีกสูงสุดสร้างผลงานได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2015-2016 เรียกได้ว่าเป็นการคว้าแชมป์ที่แทบจะเซอร์ไพรส์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกเลยก็ว่าได้

หลังจากการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เลสเตอร์ ก็ยังประคองตัวอยู่ในระดับกลางของตารางมาตลอด ก่อนจะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในฤดูกาล 2020-2021

การหายไปของเลสเตอร์ ถือว่าน่าใจหายเหมือนกัน แต่จากขุมกำลังและศักยภาพของ “จิ้งจอกสยาม” โดยรวมแล้วคาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่นานที่จะกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

แต่อย่างไรก็ตามการเล่นใน “เดอะ แชมเปียนชิป” ก็ไม่ง่ายเช่นกันกับการเตะมากถึง 46 เกมและแถมบางช่วงจังหวะเตะถี่ๆกันอีก ถ้าไม่แกร่งจริงก็คงยืนระยะยาก

ถือว่างานนี้เป็นอีกหนึ่งความท้าทายของ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่จะกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

นอกจากเลสเตอร์ที่ร่วงไปแล้วก็มีอีกหนึ่งทีมเก่าแก่ที่ร่วงตกชั้นมาพร้อมกันนั่นก็คือ “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งขึ้นมาได้แค่ 2 ปีก็กลับวนลูปไปเล่นใน “เดอะ แชมเปียนชิป” อีกครั้ง

เรียกได้ว่า ลีดส์ ก็เป็นอีกทีมที่น่าเสียดายจริงๆ เพราะกว่าจะขึ้นมาก็ใช้เวลานาน แต่สุดท้ายก็อยู่ได้ไม่นาน

ดูแล้ว 3 ทีมที่ตกชั้นไปในครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็น เลสเตอร์ ซิตี้, ลีดส์ และเซาแธมป์ตัน มีเพียงแค่ “จิ้งจอกสยาม” ที่ทรงค่อนข้างดีและมีโอกาสที่จะกลับมาเล่นบนพรีเมียร์ลีกอีกครั้งโดยใช้ระยะเวลา 1 ปี

แต่สุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับขุมกำลังของ “จิ้งจอกสยาม” ด้วย หากไม่มีตัวหลักๆ อย่าง เจมส์แมดดิสัน, ฮาร์วีย์ บาร์นส์ รวมถึงยูริ ติเลมันส์ ก็ถือว่าเหนื่อยเลยทีเดียว

เชื่อว่าในฤดูกาลหน้าทางเลสเตอร์ ซิตี้ จะเสริมทัพอย่างเต็มที่และทำทุกอย่างเพื่อที่จะ

กลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกให้ได้ในระยะเวลา 1 ปีตามที่ “บิ๊กต๊อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสร ประกาศเอาไว้

 แต่อย่างไรก็ตามอันดับแรก “จิ้งจอกสยาม” ควรแต่งตั้งกุนซือคนใหม่ให้ไวที่สุด

เพราะการเตรียมตัวไวมากเท่าไรก็จะมีความได้เปรียบมากเท่านั้น!!

มะระหวาน