หน้าแรกแกลเลอรี่

“เอเมรี” ร่ายมนตร์

มะระหวาน

21 เม.ย. 2566 05:16 น.

ไม่มีปาฏิหาริย์ที่จะพาเชลซี ทีมดังจากพรีเมียร์ลีก ทะลุเข้าสู่รอบตัดเชือกของศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้สำเร็จหลังจากถูก “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด รองจ่าฝูงลา ลีกา และแชมป์เก่า บุกมาย้ำแค้นอีกครั้ง 0–2 ในเกมรอบ 8 ทีม นัดสอง เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

จากความพ่ายแพ้ดังกล่าวทำให้ “สิงห์บลู” จอดป้ายเพียงแค่รอบนี้ด้วยสกอร์รวมสองนัดพ่าย เรอัล มาดริด 0-4 ด้าน “ราชันชุดขาว” ผ่านเข้ารอบ ไปรอพบผู้ชนะระหว่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือบาเยิร์น มิวนิก แต่ดูแล้วโอกาสน่าจะเป็น “เรือใบสีฟ้า” มากกว่าเพราะนัดแรกเอาชนะไปได้ก่อนถึง 3-0

ความพ่ายแพ้ของเชลซีในครั้งนี้ถือว่าเป็นการแพ้ 4 นัดรวด นับตั้งแต่แฟรงค์ แลมพาร์ด อดีตกัปตันทีม “สิงห์บลู” เข้ามารับหน้าที่กุนซือขัดตาทัพแทนที่ของแกรม พอตเตอร์ กุนซือเพื่อนร่วมชาติที่ โดนปลดออกจากตำแหน่งไปเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

จากฟอร์มของเชลซีนั้น คำว่าบอลเปลี่ยนโค้ชแล้วจะเล่นดีนั้นใช้กับ “สิงห์บลู” ไม่ได้จริงๆ

พูดถึงเรื่องกุนซือโดนปลดออกจากตำแหน่ง ในฤดูกาล 2022-2023 ที่ผ่านมา มีผู้จัดการทีมในเวทีพรีเมียร์ลีกถูกปลดออกจากตำแหน่งมากถึง 12 ราย กลายเป็นซีซันที่กินโค้ชมากที่สุดนับตั้งแต่มีพรีเมียร์ลีกมา

ก่อนหน้านี้เทรนเนอร์จากพรีเมียร์ลีกถูกปลด มากที่สุดในซีซันเดียวคือจำนวน 10 รายด้วยกัน ซึ่งก็มี ถึง 3 ฤดูกาลที่ปลดกุนซือมากขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็น ฤดูกาล 2021-2022, 2017-2018, และ 2013-2014

สำหรับ 12 คน ที่โดนปลดในซีซันนี้ ประกอบด้วย สกอตต์ ปาร์เกอร์ (บอร์นมัธ),โธมัส ทูเคิล (เชลซี), บรูโน ลาจ (วูล์ฟแฮมป์ตัน), สตีเวน เจอร์ราร์ด (แอสตัน วิลลา), ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิล (เซาแธมป์ตัน), แฟรงค์แลมพาร์ด (เอฟเวอร์ตัน), เจสซี มาร์ช (ลีดส์), เนธาน โจนส์ (เซาแธมป์ตัน), ปาทริค วิเอรา (คริสตัล พาเลซ), อันโตนิโอ คอนเต (สเปอร์ส), เบรนแดน ร็อดเจอร์ส (เลสเตอร์ ซิตี้) และแกรม พอตเตอร์ (เชลซี)

โดยมี 2 สโมสร ที่ปลดกุนซือออกจากตำแหน่ง มากกว่า 1 ครั้ง ในซีซันเดียวนั่นก็คือ เชลซี และ เซาแธมป์ตัน ที่สั่งเชือดเทรนเนอร์ไปสโมสรละ 2 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในจำนวน 12 กุนซือใหม่ ที่เข้า มารับหน้าที่แทนคนเก่าตามลิสต์ที่โดนเด้งออกจาก ตำแหน่งไปนั้น หลายสโมสรยังไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้น บางสโมสรก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ มีเพียงแค่รายเดียวที่สร้างผลงานได้ระดับมาสเตอร์พีซที่เปลี่ยนทีมจากหน้ามือเป็นหลังมือ นั่นก็คือ “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลลา นั่นเอง

ตอนเจอร์ราร์ดโดนปลด วิลลารั้งอันดับ 17 ของ ตารางมี 9 แต้ม จาก 11 นัด แต่นับตั้งแต่แต่งตั้งอูไน เอเมรี เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ ค่อยๆปั้นจน “สิงห์ผงาด” ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 6 ของตารางอยู่ในตอนนี้

เรียกได้ว่าการเข้ามาของอูไน เอเมรี กุนซือชาวกระทิง ที่ตอนแรกหลายคนก็หวั่นๆ เพราะตอน คุมทีม “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ถือว่าไม่ดีเอาซะเลย โดยในครั้งนั้นกุนซือเลือดกระทิงยังใหม่กับเวทีพรีเมียร์ลีก ทำให้ตัดสินใจผิดพลาดหลายอย่าง

แต่ครั้งนี้เอเมรีค่อยๆปรับ ค่อยๆร่ายมนตร์ วิลลา จนเข้าที่เข้าทาง จากทีมที่เสียประตูง่ายและแนวรุก ค่อนข้างฝืด กลายเป็นทีมที่เล่นแนวรับได้เหนียวแน่นและมีทีเด็ดอยู่ที่เกมโต้กลับเร็วอันเฉียบขาดคอยเล่นงานคู่ต่อสู้

ฟอร์มล่าสุดของวิลลา 8 นัดล่าสุด ยังไม่แพ้ ใครเลย วิลลาเอาชนะได้ถึง 7 นัด และเสมอ 1 นัด กระโดดขึ้นมารั้งอันดับ 6 และแอบมีลุ้นเล็กๆที่จะได้ ไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ตามหลังนิวคาสเซิล อันดับ 4 อยู่ 6 แต้มเท่านั้น

แต่ก็ไม่ง่ายเช่นกันเพราะอีก 10 นัดที่เหลือ วิลลามีงานยากอยู่พอสมควรเพราะมีคิวเจอทั้งแมนฯ ยูไนเต็ด, สเปอร์ส, ลิเวอร์พูล, ไบรท์ตัน และนิวคาสเซิล ทั้งหมดกำลังไล่ล่าโควตาบอลยุโรปเช่นกัน

ถ้าหากสุดท้าย วิลลาไม่สามารถไปเล่นใน บอลยุโรปได้จริง แต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก อย่างน้อยๆ “สิงห์ผงาด” ก็ไม่ต้องลุ้น ดิ้นรนหนีตกชั้นให้แฟนๆ เสียวหัวใจ!!

มะระหวาน