มะระหวาน
หลังจากพักเบรกมาเนิ่นนานเกือบ 2 เดือนกว่าๆ ตอนนี้เกมลูกหนังที่คนไทยชื่นชอบมากที่สุดอย่างพรีเมียร์ลีกก็เตรียมจะกลับมาเปิดฉากในวันที่ 6-8 ส.ค.นี้
ซึ่งก่อนเกมพรีเมียร์ลีกจะเปิดฉากปกติแล้วจะมีเกมชิงโล่การกุศลลงฟาดแข้งเพื่อเป็นตัวแทนการลั่นระฆังว่าลีกสูงสุดในลีกผู้ดีจะเปิดฉากแล้ว
สำหรับศึก “เดอะ เอฟเอ คอมมูนิตี้ ชิลด์” ปีนี้จะฟาดแข้งกันในวันที่ 30 ก.ค.นี้ โดยเป็นการพบกันของลิเวอร์พูล เจ้าของแชมป์เอฟเอ คัพ พบกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งปีนี้พิเศษมากๆคือย้ายสังเวียนจากเวมบลีย์ ไปเตะที่คิง เพาเวอร์ สเตเดียม ในเมืองเลสเตอร์
สาเหตุที่ย้ายสนามแข่งก็เพราะเวมบลีย์ ติดภารกิจจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรปปี 2022 นัดชิงชนะเลิศ คู่ระหว่างแข้งสาวทีมชาติอังกฤษ เจ้าภาพ ดวลกับ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ในวันที่ 31 ก.ค.นี้
จะว่าไปแล้วการย้ายไปแข่งขันคิง เพาเวอร์ สเตเดียมก็ดีกับแฟนบอลทั้งสองทีมเพราะจะได้ไม่ต้องเดินทางไกลมาถึงลอนดอน ซึ่งเตะกันที่เลสเตอร์ เป็นการร่นระยะได้มากกว่าครึ่ง แฟนบอลทั้งสองทีมน่าจะแฮปปี้มากๆ
ส่วนสภาพความพร้อมของทั้งสองทีมนั้นเรียกว่าฟิตสุดๆเลยทีเดียว ทั้งสองฝ่ายลงเตะปรีซีซันเพื่อเรียกความฟิตมาพอสมควร โดย “หงส์แดง” ลงเล่นไป 4 นัดชนะ 2 แพ้ 2 นัด ส่วน “เรือใบสีฟ้า” เน้นเรียกความฟิตมากกว่าลงอุ่นเครื่องไปแค่ 2 นัดและชนะรวดทั้งสองนัด
แต่เกมอุ่นเครื่องนั้นมันวัดอะไรกันไม่ได้มากอยู่แล้วเพราะส่วนใหญ่จะเป็นเกมเรียกความฟิตและทดสอบระบบทีมต่างๆ นอกจากนั้นยังเป็นการปรับจูนนักเตะตัวใหม่ให้เข้ากับทีมให้ไวที่สุด
ทั้งสองทีมเสริมทัพในจุดบอดของตัวเองคือตำแหน่งกองหน้า โดยแมนฯ ซิตี้ คว้าตัวของเออร์ลิง ฮาแลนด์ จากดอร์ทมุนด์ มาร่วมก๊วน ซึ่งถือว่าเป๊ปได้อาวุธหนักชั้นยอดมาร่วมทีม จากผลงานที่ผ่านมาดาวยิงวัย 21 ปี ทีมชาตินอร์เวย์ ยิงระเบิดระเบ้อ
ไอ้หนุ่มผมทองลงสนามให้ดอร์ทมุนด์ไป 2 ฤดูกาลครึ่งยิงไป 86 ประตูจาก 89 นัดที่ลงสนามทุกรายการ เรียกได้ว่าสถิติโหดขนาดนี้เมื่อมาอยู่ในทีมที่มีตัวแอสซิสต์เจ๋งๆ อย่างเควิน เดอ บรอยน์, แจ็ค กรีลิช, ริยาด มาห์เรซ หรือแม้กระทั่งอิลคาย กุนโดกัน และแบร์นาร์โด ซิลวา
เชื่อว่าปีนี้ “แมนฯ ซิตี้” น่าจะยิงประตูกระจาย ดีไม่ดีอาจจะถึง 100 ลูกขึ้นไป
ส่วนลิเวอร์พูลก็ไม่น้อยหน้าเสริมแนวรุกเช่นกันเมื่อไปคว้าดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยมาจากเบนฟิกา ด้วยค่าตัวเกือบ 100 ล้านยูโร การมาของนูนเญซนั้นก็ทำให้แนวรุก “หงส์แดง” ค่อนข้างเด็ดขาดขึ้นเลยทีเดียว
ฤดูกาลที่แล้วนูนเญซยิงให้เบนฟิกา ในลีกไป 26 ประตูจาก 28 นัด แต่ถ้ารวมทั้งหมดยิงไป 34 ประตูจาก 41 นัด โดยไฮไลต์ของดาวยิงวัย 23 ปี รายนี้คือการยิงลิเวอร์พูลได้ในเกม ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้ทั้งสองเกม จนคลอปป์ต้องคว้าตัวไปร่วมทีม
เรียกได้ว่านอกจากเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีแล้ว ก็ยังเป็นการดวลกันของ 2 ทีมที่ว่ากันว่าดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ และเช่นเดียวกันนี่ยังเป็นการดวลกันของทั้งนูนเญซ และฮาแลนด์ 2 กองหน้าดาวรุ่งแห่งยุคอีกด้วย
สถิติที่ผ่านมาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์รายการนี้ได้ 15 สมัยครั้งล่าสุดในปี 2020 ส่วนแมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์ 6 สมัยและครั้งล่าสุดคือในปี 2019 แม้สถิติจะห่างกันเยอะแต่ความทรงจำเก่าๆเอามาใช้กับปัจจุบันไม่ได้
แฟนบอลชาวไทยสามารถชมผ่านทางทรูวิชั่นส์ ช่องบีอินสปอร์ต 1 (หมายเลข 607) ในวันเสาร์ที่ 30 ก.ค. นี้ ตั้งแต่เวลา 23.00 น. เป็นต้นไป
เป็นเกมที่คอบอลไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง!!
มะระหวาน