หน้าแรกแกลเลอรี่

หวั่นซ้ำรอยเดิม

มะระหวาน

6 ธ.ค. 2564 05:07 น.

เกมพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาเป็นอีกนัดที่หลายคนจับจ้องกันเป็นอย่างมาก ว่ามีโอกาสที่หัวตารางพรีเมียร์ลีก จะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะมี 3 ทีมท็อปทรีลงทำการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็น “สิงห์บลู” เชลซี (จ่าฝูง), แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ทีมอันดับ 2) และลิเวอร์พูล (ทีมอันดับ 3)

โดยจ่าฝูงอย่างเชลซีลงเล่นเป็นทีมแรกหากชนะก็จะรั้งจ่าฝูงต่อไปอีกสัปดาห์ แต่ถ้าแพ้ก็มีโอกาสหล่นจากจ่าฝูงอย่างแน่นอน เพราะแมนฯ ซิตี้หรือลิเวอร์พูล ก็จับจ้องที่จะแซงขึ้นไปชื่นชมหัวตารางบ้าง

เชลชีบุกไปเยือนเวสต์แฮม ทีมอันดับ 4ของตารางในเกม “ลอนดอน ดาร์บี้” ถือว่าเป็นงานยากเลยทีเดียว เพราะ “ขุนค้อน” ของเดวิด มอยส์สร้างผลงานได้ค่อนข้างดีในวันนี้ แถมยังปราบ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมฟอร์มร้อนมาได้ก่อนหน้า 3-2

ทั้งสองทีมแลกกันอย่างสุดมันส์สุดท้ายเป็น เวสต์แฮมที่พลิกเอาชนะเชลซีได้ 3-2 ทั้งๆที่ต้องตามหลังถึง 2 ครั้ง 2 ครา

แต่สุดท้ายลูกทีมของโธมัส ทูเคิล ไม่สามารถปิดกล่องได้ จนสุดท้ายอาร์ตูร์ มาซูอากู ตัวสำรองของเวสต์แฮม ยิงลูกแฉลบ

หัวเกือกรูเบน ลอฟตัส ชีค กองกลางเชลซีเข้าไปเป็นประตูชัยให้เวสต์แฮมพลิกชนะไปได้

จากความพ่ายแพ้ของ “สิงห์” ทำเอาบัลลังก์หัวตารางสั่นสะเทือน เพราะมีโอกาสหล่นจากจ่าฝูงค่อนข้างสูง

ทีมต่อมาที่ลงสนามก็คือลิเวอร์พูลทีมอันดับ3 ที่จะออกไปเยือน “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน ซึ่งเกมนี้ เจอร์เกน คลอปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมันไม่มีทางเลือก

วางหมากจัดเต็มเพื่อให้ “หงส์แดง” เก็บชัยชนะให้ได้สถานเดียวเพื่ออย่างน้อยได้ขึ้นไปรั้งจ่าฝูงก่อนซิตี้เตะราวๆ 2 ชั่วโมง

คลอปป์ส่งซาดิโอ มาเน, ดิโอโก โชตาและ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ลงครบชุดเพื่อหวังฟัน 3แต้มแน่ๆ

แต่เล่นไปเล่นมาแนวรุก “หงส์” กลับปืนด้านไปดื้อๆไม่เหมือนใน 3 เกมลีกที่ผ่านมาที่ยิงไปนัดละ 4 ตุง

ไม่ว่าจะเปลี่ยนแท็กติกแค่ไหนแนวรุก“หงส์แดง” ก็ไม่สามารถเจาะแนวรับ “หมาป่า” ได้

เกมทำท่าจะจบด้วยผลเสมอ 0-0 แต่ช่วงทดบาดเจ็บนาทีสุดท้าย ดิว็อก โอริกี คืนร่างเทพในการถล่มประตูพอดีส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายให้ “หงส์แดง” ชนะไป 1-0 ผงาดขึ้นไปรั้งจ่าฝูงเป็นการชั่วคราวทันที

พูดถึงโอริกีถือว่าเป็นกองหน้าตัวสำรองอีกรายที่เป็นคู่บุญคลอปป์เลยทีเดียว แม้ว่าจะตกเป็นกองหน้าตัวสำรองอันดับที่ 5 ต่อจากซาลาห์,มาเน, โรแบร์โต ฟีร์มิโน และดิโอโก โชตา แต่อดีตกุนซือดอร์ทมุนด์ ก็รักในตัวกองหน้าทีมชาติเบลเยียมมาก

เพราะโอริกีเมื่อมีโอกาสเมื่อไรก็ไม่ค่อยจะพลาดยิงลูกสำคัญให้ “หงส์แดง” คว้าชัยในเกมที่อึดอัดหลายต่อหลายเกมเช่นกัน

โดยเฉพาะในฤดูกาล 2018-2019 เกมที่ลิเวอร์พูลไล่ถล่มบาร์เซโลนาไป 4-0 ซึ่งเกมดังกล่าวโอริกีโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นแถมยังกดไปอีก 2 ตุงอีกด้วย พลิกกลับมาเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้สำเร็จ ทั้งๆที่เกมแรกบุกไปพ่ายยับ 0-3 ก็ตาม ก่อน “หงส์แดง” จะคว้าแชมป์มาครองในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลได้นั่งจ่าฝูงไม่กี่อึดใจ “เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ ก็ทะยานขึ้นมารั้งหัวแถวแทนหลังบุกไปตบ “แตนอาละวาด”วัตฟอร์ด นิ่มๆ 3-1 ทำให้มี 35 คะแนนจาก 15 นัด พุ่งพรวดขึ้นไปรั้งจ่าฝูงแบบหล่อๆ

ซึ่งการขึ้นไปนั่งจ่าฝูงของแมนฯ ซิตี้ ก็ไม่ดีต่อบรรดาทีมอื่นๆแน่ เพราะซีซันที่แล้วแมนฯ ซิตี้ ได้ขึ้นไปนั่งหัวตารางปุ๊บก็ลากยาวจนเข้าป้ายคว้าแชมป์ทันที

เหมือนกับการได้อยู่บนจุดสูงสุดเป็นแรงขับเคลื่อนชั้นยอดของเป๊ป กวาร์ดิโอลา นายใหญ่ชาวกระทิงดุและลูกทีม “เรือใบสีฟ้า” หวั่นใจเหลือเกินว่าการขึ้นไปนั่งจ่าฝูง

ครั้งนี้จะซ้ำรอยเดิมที่นำม้วนเดียวจบเหมือนปีที่แล้ว!!

มะระหวาน