มะระหวาน
เชื่อว่าคอบอลหลายคนคงพอจำเหตุการณ์ที่ ราอูล ฮิเมเนซ กองหน้าทีมชาติเม็กซิโกหัวโขกกับดาวิด ลุยซ์ ปราการหลังชาวแซมบ้าของอาร์เซนอล ในช่วงปลายเดือน พ.ย.ปี 2020 จนต้องหามออกจากสนามโดยด่วนพร้อมกับต้องให้ออกซิเจนตอนหามออกไปอีกด้วย
ถ้ามองแล้วมันคือเรื่องปกติของนักฟุตบอลที่จะมีอุบัติเหตุหัวโขกกัน ซึ่งบางคนก็ไม่เป็นไร บางคนก็มีหัวแตก คิ้วแตก กันไปตามจังหวะที่เกิดอุบัติเหตุ
แต่สำหรับกรณีของฮิเมเนซ ถือว่าค่อนข้างหนักเพราะหลังจากตรวจอย่างละเอียดกองหน้าเม็กซิกันได้รับบาดเจ็บถึงกะโหลกร้าวเลยทีเดียว ทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดที่ศีรษะโดยด่วน
หลังจากเข้ารับการผ่าตัดก็ยังไม่มีการคอนเฟิร์มว่า ฮิเมเนซ จะกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีกครั้งหรือไม่!!
ทั้งๆที่กองหน้าวัย 30 ปีกำลังอยู่ในช่วงพีกเลยทีเดียว และมีข่าวออกมาว่ามีทีมใหญ่ๆ ในพรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สนใจที่จะดึงตัวของฮิเมเนซไปร่วมทัพ
จากการปะทะดังกล่าวอนาคตในอาชีพของ ฮิเมเนซ ก็ตกอยู่ในความสงสัยว่าจะเอายังไงต่อ สำหรับกองหน้าชาวเม็กซิกันได้ออกมาเปิดใจว่าจะไม่ยอมแพ้และจะขอกลับมาคืนสนามให้ได้อีกครั้ง
ซึ่งมันก็จะมีการเสี่ยงสูง เพราะ ฮิเมเนซได้ผ่าตัดกะโหลกมาไม่รู้ว่าการโหม่งบอลจะสร้างความกระทบกระเทือนให้กับสมองของเจ้าตัวอีกหรือไม่
เพราะถ้าหากเกิดขึ้นอีกน่าจะส่งผลอันตรายให้กับฮิเมเนซในอนาคตแน่นอน เท่านั้นยังไม่พอถ้าหากกลับมาลงเล่นก็ต้องผ่านเกณฑ์ของสมาคมฟุตบอลอังกฤษก่อน เพราะทาง “เอฟเอ” ให้ความสำคัญกับนักฟุตบอลที่มีอาการ Concussion (กระทบกระเทือนทางสมอง) ถ้าไม่หายขาดเป็นปลิดทิ้งจริงๆ ก็จะไม่อนุญาตให้คืนสนามทุกกรณี
จากอาการบาดเจ็บดังกล่าวทางฮิเมเนซก็ต้องใช้การรักษานานหลายเดือนจนได้รับการอนุญาตให้คืนสนามอีกครั้งในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา หรือช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้ว
แต่ทาง “หมาป่า” ได้ตัดสินใจไม่เสี่ยงส่งเขาลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีกนัดสุดท้ายที่ดวลกับ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เช่นเดียวกับไม่ยอมปล่อยให้กองหน้าวัย 30 ปี ไปช่วยทีมชาติเม็กซิโกลงเล่นในศึกโอลิมปิกเกมส์ “โตเกียว 2020” ที่ประเทศญี่ปุ่น หลังก่อนหน้านี้ ฮิเมเนซถูกวางไว้เป็นตัววางที่จะช่วย “จังโก้” ล่าเหรียญทอง
จนมาถึงช่วงปรีซีซันเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ฮิเมเนซก็ได้กลับมาลงสนามอีกครั้งในเกมอุ่นเครื่องที่พบกับครูว์ อเล็กซานดาร์ ในเกมปรีซีซันของวูล์ฟแฮมป์ตัน และถือว่าเป็นการลงสนามครั้งแรกในรอบ 230 วัน
ซึ่งเจ้าตัวก็ต้องสวมเครื่องป้องกันที่ศีรษะเอาไว้ตลอดทุกครั้งที่ได้ลงทำการแข่งขันเพื่อกันการถูกกระแทกอย่างแรง
จนล่าสุดเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาฮิเมเนซ ก็สามารถยิงประตูแรกของตัวเองในเกมชนะ “ช่างปั้นหม้อ” สโต๊ก ซิตี้ 2-1 เรียกได้ว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่าตอนนี้ ตัวเขาเองได้กลับมาสมบูรณ์เต็มร้อยอีกครั้งและพร้อมจะลงเล่นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่แล้ว
มาถึงตอนนี้ก็ต้องขอชื่นชมฮิเมเนซจริงๆ ที่ไม่ยอมทิ้งความฝันของตัวเองในการเป็นนักเตะอาชีพ ทั้งๆที่อาการหนักขนาดนี้หลายคนก็คงจะเลิกเล่นไปแล้ว
แต่ฮิเมเนซเลือกที่จะสู้ฝึกซ้อมอย่างหนักจนกลับมาคืนสนามได้อีกเป็นที่เรียบร้อย ต้องขอคาราวะให้กับนักเตะหัวใจแกร่งคนนี้ไว้ ณ ที่นี้.
มะระหวาน