ไทยรัฐออนไลน์
"อัซซูรี" ทีมชาติอิตาลี ดวลจุดโทษเอาชนะ อังกฤษ ไป 3-2 หลังเสมอใน 120 นาที แบบสุดมัน คว้าแชมป์ศึกยูโร 2020 มาครองได้สำเร็จ
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2020 รอบชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ค. 64 ที่สนามเวมบลีย์ สเตเดียม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สิงโตคำราม ทีมชาติอังกฤษ ดวลเดือดกับ อัซซูรี ทีมชาติอิตาลี
เปิดฉากครึ่งแรกมาแค่ 2 นาที แฟนบอลเจ้าถิ่นได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อ อังกฤษ ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ คีแรน ทริปเปียร์ เปิดบอลจากฝั่งไปที่เสาสอง ลุค ชอว์ วอลเลย์ด้วยซ้ายเข้าไปตุงตาข่าย ถือเป็นประตูแรกในนามทีมชาติชุดใหญ่ของเจ้าตัว และเป็นประตูที่ยิงเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโรอีกด้วย
จากนั้นนาทีที่ 28 โอกาสของอิตาลี เมื่อ ลอเรนโซ อินซินเญ ลองตั้งป้อมยิงไกล บอลพุ่งข้ามคานออกไป
ถึงนาทีที่ 35 อิตาลีเกือบตีเสมอ จากจังหวะที่ เฟเดริโก เคียซา ยิงด้วยซ้ายจากหน้าเขตโทษ บอลพุ่งหลุดเสาไปนิดเดียว
จบครึ่งแรก ทีมชาติอังกฤษ นำ ทีมชาติอิตาลี อยู่ 1-0
กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 51 อิตาลี ได้ฟรีคิกระยะหวังผล และเป็น ลอเรนโซ อินซินเญ ปั่นด้วยขวา บอลโค้งเฉี่ยวสามเหลี่ยมออกไปแบบสุดหวาดเสียว
ถัดมา 5 นาที อังกฤษ ได้ฟรีคิก ลุค ชอว์ เปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษ แฮร์รี แม็คไกวร์ ขึ้นโหม่งข้ามคานออกไป
จากนั้นนาทีที่ 57 อิตาลี น่าได้ประตูสุดๆ จากจังหวะที่ ลอเรนโซ อินซินเญ พาบอลกระชากไปซัดมุมแคบในเขตโทษ แต่ จอร์แดน พิคฟอร์ด เซฟออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม
และในนาทีที่ 61 อิตาลีได้ลุ้นอีกแล้ว เฟเดริโก เคียซา ซัดด้วยขวาจากเขตโทษ บอลพถ่งจะเสียบมุม แต่ จอร์แดน พิคฟอร์ด พุ่งปัดออกไปได้อย่างสุดยอด
นาทีที่ 64 อังกฤษ ได้ลูกเตะมุมฝั่งซ้าย คีแรน ทริปเปียร์ เปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษ จอห์น สโตนส์ ได้ขึ้นโหม่ง ร้อนถึง จิอันลุยจิ ดอนนารุมมา ต้องบินปัดข้ามคานออกไป
ถึงนาทีที่ 67 อิตาลี ได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ โดเมนิโก เบราร์ดี เปิดลูกเตะมุมจากฝั่งขวาเข้ากรอบเขตโทษ ไบรอัน คริสตันเต โหม่งเช็ดมาเสาสอง มาร์โก แวร์รัตติ พุ่งโหม่งเน้นๆ จอร์แดน พิคฟอร์ด ปัดไปชนเสาบอลมาเข้าทาง เลโอนาร์โด โบนุชชี ปรี่มาซ้ำเข้าไปตุงตาข่าย
นาทีที่ 73 อิตาลี เกือบแซงนำจากจังหวะที่ เลโอนาร์โด โบนุชชี เปิดบอลยาวขึ้นหน้า จอร์แดน พิคฟอร์ด จะออกมาตัดบอลแต่ช้าไปโดน โดเมนิโก เบราร์ดี โฉบมายิงข้ามคานออกไปหวุดหวิด
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบ 90 นาที อังกฤษ ยังเสมอ อิตาลี 1-1 ต้องมาลุ้นกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ และในช่วงต่อเวลาพิเศษก็ยังทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ ต้องตัดสินหาแชมป์ด้วยการดวลจุดโทษ
ผลปรากฏว่า อิตาลี ยิงแม่นกว่า เอาชนะ อังกฤษ ไปได้ 3-2 คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป มาครองเป็นสมัยที่ 2 และสมัยแรกในรอบ 53 ปี
อังกฤษ
เคน ยิงเข้า
แม็คไกวร์ ยิงเข้า
แรชฟอร์ด ยิงไม่เข้า
ซานโช ยิงไม่เข้า
ซากา ยิงไม่เข้า
อิตาลี
เบราร์ดี ยิงเข้า
เบลอตติ ยิงไม่เข้า
โบนุชชี ยิงเข้า
แบร์นาเดสคี ยิงเข้า
จอร์จินโญ ยิงไม่เข้า
รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้ง 2 ทีมมีดังนี้
ทีมชาติอังกฤษ: จอร์แดน พิคฟอร์ด (GK), แฮร์รี แม็คไกวร์, จอห์น สโตนส์, ไคล์ วอลเกอร์, ลุค ชอว์, คีแรน ทริปเปียร์, ดีแคลน ไรซ์, คัลวิน ฟิลลิปส์, เมสัน เมาท์, ราฮีม สเตอร์ลิง และ แฮร์รี เคน
ทีมชาติอิตาลี: จิอันลุยจิ ดอนนารุมมา (GK), เลโอนาร์โด โบนุชชี, จอร์โจ คิเอลลินี, เอเมอร์สัน, โจวานนี ดิ ลอเรนโซ, นิโคโล บาเรลลา, จอร์จินโญ, มาร์โก แวร์รัตติ, เฟเดริโก เคียซา, ลอเรนโซ อินซินเญ และ ชิโร อิมโมบิเล