หน้าแรกแกลเลอรี่

วิเคราะห์ค่าพลัง-เทียบสถิติ "โครเอเชีย-สเปน" ยูโร 2020 รอบ 16 ทีม ก่อนบู๊แตกหัก

ไทยรัฐออนไลน์

28 มิ.ย. 2564 06:30 น.

วิเคราะห์ก่อนเกมยูโร 2020 รอบ 16 ทีม โครเอเชีย ปะทะ สเปน เช็กค่าพลัง-เทียบสถิติก่อนแย่งตั๋วใบที่ 5 สำหรับการเข้าสู่รอบ 8 ทีม พร้อมทำนายผล

โครเอเชีย VS สเปน

รอบ 16 ทีม

วันที่ : 28 มิถุนายน 2564 เวลา 23.00 น.

สนาม : พาร์เคน สเตเดียม, กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก

ถ่ายทอดสด : ช่อง NBT 2HD (หมายเลข 2)

---------

เกมรุก

จุดนี้ ทีมชาติโครเอเชีย ดูจะป้อแป้พอสมควร เพราะตลอด 8 นัด ในปี 2021 เพิ่งยิงได้เพียง 9 ประตู แต่แพ้แบบเกมศูนย์ถึง 3 ครั้งกับ สโลวีเนีย, เบลเยียม และ อังกฤษ ด้วยสกอร์ 0-1 เท่ากัน มีเพียง 2 นัดที่ซัดคู่แข่งได้มากกว่า 1 ประตู (ชนะ มอลตา 3-0 / ชนะ สกอตแลนด์ 3-1)

แม้ขุนพล "หมากรุก" จะกลับมาคลำเป้าเจอใน 2 เกมหลังสุดของรอบแบ่งกลุ่มที่ไล่ตีเสมอ สาธารณรัฐเช็ก 1-1 ก่อนชนะ สกอตแลนด์ เข้ารอบมาในฐานะรองแชมป์กลุ่มดี แต่ล่าสุด อิวาน เปริซิช แนวรุกตัวเก่งที่ยิงไป 2 ลูก จากทั้งหมด 4 ประตูของ โครเอเชีย ในทัวร์นาเมนต์นี้ เพิ่งตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จนต้องแยกไปกักตัว 10 วัน ส่งผลให้พลังเกมรุกลดฮวบฮาบอย่างแน่นอน 

ยิ่งไปกว่านั้น อีก 2 ประตูของพวกเขาก็เกิดจากฝีเท้าของกองกลางอย่าง ลูกา โมดริช และ นิโกลา วลาซิช ส่วนกองหน้าอย่าง อันเดรจ์ คามาริช, อันเต เรบิช, บรูโน เพ็ตโควิช กับ โยซิป เบรคาโล ยังเป็นมือปืนเป้าสะอาด หากไม่รีบสลัดคราบสิงห์ปืนฝืดบอกได้เลยว่าลุ้นเข้ารอบเหนื่อยแน่นอน

ด้าน ทีมชาติสเปน แม้จะยิงทิ้งขว้างตั้งแต่นัดแรกที่เสมอ สวีเดน 0-0 ด้วยโอกาสถึง 17 ครั้ง และยังพลาดจุดโทษถึง 2 ครั้ง ใน 2 เกมหลังสุด ไม่ว่า เคราร์ด โมเรโน หรือ อัลบาโร โมราตา จะผลัดกันมารับหน้าที่ก็ยังไม่มีใครเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้จนเสมอกับ โปแลนด์ 1-1 แต่ยังปลดล็อกจนได้ก่อนระบายความอัดอั้นให้เป็นประตูในเกมถล่ม สโลวะเกีย 5-0 เข้ารอบมาในฐานะรองแชมป์กลุ่มอี 

เมื่อดูรายละเอียดจริงๆ พบว่า "กระทิงดุ" สร้างโอกาสจบสกอร์ทั้งหมด 45 ครั้ง มากเป็นอันดับ 6 จาก 24 ทีมในรายการนี้ และยังตรงกรอบถึง 19 ครั้ง มากเป็นอันดับ 3 ต่อจาก อิตาลี (30 ครั้ง) และ เดนมาร์ก (23 ครั้ง) ที่ลอยลำเข้ารอบ 8 ทีมไปก่อนเพื่อน

ถ้าไม่นับ 2 ลูกจากการทำเข้าประตูตัวเองของ สโลวะเกีย อีก 4 ประตูที่เหลือก็มาจากผู้เล่นไม่ซ้ำหน้าด้วย แสดงว่า สเปน ไม่ได้ฝากความหวังในการทำประตูไว้ที่คนใดคนหนึ่ง อีกทั้ง 8 เกมที่ลงเล่นในปีนี้ก็ยิงได้ถึง 16 ประตู เฉลี่ยนัดละ 2 ลูก หากเรียกความมั่นใจกลับมาได้จะเป็นทีมที่อันตรายอีกทีมหนึ่งเลยทีเดียว

คะแนน : โครเอเชีย 6.5 / สเปน 7

---------

เกมรับ

แม้ตลอด 8 นัดในปีนี้ โครเอเชีย จะเสียประตูไปถึง 6 เกม แต่ก็เป็นการเสียนัดละ 1 ประตูเท่านั้น โดยนับรวมการเจอกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งทั้ง เบลเยียม, อังกฤษ ด้วย หมายความว่าคุณภาพเกมรับยังพอฝากผีฝากไข้ได้บ้าง

แต่ปัญหาใหญ่ในรอบนี้คือ การขาด เดยัน ลอฟเรน ปราการหลังตัวเก่งที่ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบ 2 ใบในรอบแบ่งกลุ่ม รวมถึง ซิเม เวอร์ซัลจ์โก แบ็กขวาตัวเลือกแรกที่ยังรอเช็กความฟิต หากทั้งคู่ไม่ได้ลงสนามก็ต้องฝากความหวังให้ตัวแทนอย่าง ดูเย ชาเลตาร์-ซาร์ และ โยซิป ยูราโนวิช สามารถทำหน้าที่ได้โดยไม่บกพร่อง

ขณะที่ สเปน ไม่มีปัญหาตัวเจ็บหรือติดโทษแบน อีกทั้ง 8 นัด ในปี 2021 พวกเขาเสียเพียง 4 ประตูเท่านั้น โดยไม่มีเกมไหนที่โดนเจาะเกิน 1 ลูก ส่วนรอบแบ่งกลุ่มก็เสียเพียง 1 ประตูจากพิษสงของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ยอดดาวยิงระดับโลกของโปแลนด์ ในเกมเสมอ 1-1 เท่านั้น

อีกทั้งแมตช์ล่าสุดดูเหมือนจะค้นพบแผงหลัง 4 คนที่ลงตัวแล้ว ด้วยการใช้ เซซาร์ อัซปิลิเกวตา ซึ่งเป็นแบ็กขวาธรรมชาติแทน มาร์กอส ยอเรนเต ที่ถอยลงมาจากมิดฟิลด์ รวมถึงการถอด เปา ตอร์เรส แล้วใช้ เอริค การ์เซีย จับคู่ตรงกลางกับ เอเมอริก ลาปอร์กต์ ที่เคยเล่นด้วยกันในทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ปัจจุบัน การ์เซีย เพิ่งย้ายไป บาร์เซโลนา หลังหมดสัญญา) ทำให้เกมรับกลับมาเข้าที่เข้าทาง

คะแนน : โครเอเชีย 7 / สเปน 8

---------

ความแข็งแกร่ง

แน่นอนว่าการขาด 2 คีย์แมนทั้งในเกมรุกอย่าง อิวาน เปริซิช และเกมรับอย่าง เดยัน ลอฟเรน ส่งผลถึงความแข็งแกร่งของขุนพล "หมากรุก" อย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสถิติการไล่บอลคืนเพียง 100 ครั้ง ดีกว่า อังกฤษ (99 ครั้ง) เพียงทีมเดียวในยูโร 2020 หนนี้ และยังเข้าปะทะแค่ 31 ครั้ง น้อยที่สุดเป็นอันดับ 4 จาก 24 ทีม หากยังไม่เพิ่มความดุดันในการเล่น เห็นทีจะจัดการ สเปน ที่มีเทคนิคจัดจ้านได้ยาก

ส่วน "กระทิงดุ" แม้จะมีสถิติการเข้าปะทะแย่ที่สุดในรายการเพียง 21 ครั้ง ชนะแค่ 7 หน แต่ก็เอาตัวรอดได้ด้วยการต่อบอลอันไหลลื่นตามถนัด พิสูจน์ด้วยอัตราความแม่นยำถึง 88.3 เปอร์เซ็นต์ ครองบอลเฉลี่ยนัดละ 68.7 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าอีก 23 ทีมที่เหลือ และถ้าไม่นับ อิตาลี ที่เข้ารอบ 8 ทีมไปแล้ว พวกเขาคือทีมที่ต่อบอลมากที่สุด 2,400 ครั้ง สำเร็จถึง 2,125 ครั้ง 

ไม่เพียงเท่านั้น 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม สเปน ก็ไม่เคยปล่อยให้คู่แข่งทั้ง สวีเดน, โปแลนด์ และ สโลวะเกีย ได้ครองบอลเกิน 38 เปอร์เซ็นต์เลย เมื่อบอลไม่ตกไปอยู่ในการครอบครองของคู่ต่อสู้ก็แทบจะปิดประตูแพ้ได้เลย เว้นเสียแต่ว่าจะมีอุบัติเหตุลูกหนังหรือจังหวะไม่คาดฝันเกิดขึ้นเท่านั้น

คะแนน : โครเอเชีย 75 / สเปน 83

---------

ฟอร์มการเล่น 

ผลงาน 8 เกมในปีนี้ โครเอเชีย ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ 3 ถือว่ายังไม่เลวร้ายมากนัก และแม้จะปราชัย อังกฤษ ตั้งแต่เกมเปิดหัวยูโร 2020 แต่ก็ค่อยๆ เค้นฟอร์มกลับมาได้ตามลำดับจากการไล่ตีเสมอ เช็ก 1-1 ก่อนเอาชนะ สกอตแลนด์ 3-1 ถือเป็นนิมิตหมายอันดีก่อนมาเจอของจริงในรอบน็อกเอาต์

แต่ สเปน เองก็มีผลงานไม่ขี้เหร่ 8 เกมในปีนี้ยังไม่แพ้ใคร ชนะ 4 เสมอ 4 เท่ากัน แม้จะปราบได้แค่ทีมที่ชื่อชั้นเป็นรองอย่าง จอร์เจีย, โคโซโว, ลิทัวเนีย, สโลวะเกีย แต่ก็ไม่เสียท่าให้ทีมแกร่งอย่าง โปรตุเกส, สวีเดน, โปแลนด์ และยังผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาด้วยสถิติไร้พ่าย แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ทีมที่ใครจะเคี้ยวได้ง่ายๆ

คะแนน : โครเอเชีย 77 / สเปน 85

---------

แท็กติก

อย่างที่บอกข้างต้นว่า "หมากรุก" ไม่เคยเสียเกิน 1 ประตู ทั้ง 8 นัดในปีนี้ บ่งบอกให้เห็นว่าลูกทีมของ ซลัตโก ดาลิช มีเกมรับที่พอจะไว้วางใจได้ และยังมี 3 กองกลางที่เก็บบอลได้ดีอย่าง ลูกา โมดริช, มาเตโอ โควาชิช และ มาร์เซโล โบรโซวิช

ขณะที่ทั้ง 4 ประตูในรอบแบ่งกลุ่มก็มาจากการเข้าทำที่ไม่ซ้ำกัน ทั้งการฉวยโอกาสเล่นฟรีคิกเร็วนำมาสู่การจบสกอร์ของ เปริซิช ในเกมเสมอ เช็ก 1-1 รวมถึงการเปิดบอลริมเส้นเข้าไปกดดัน, การยิงจากแถวสอง และจังหวะเตะมุมในเกมชนะ สกอตแลนด์ 3-1 หากมีแนวรุกที่ฝากความหวังได้ก็อาจมีหนทางคว้าชัย

ด้าน "กระทิงดุ" แม้จะครองเกมและเซตบอลจนคู่แข่งหาบอลแทบไม่เจอ แต่รูปแบบการเข้าทำส่วนมากจะเน้นการเจาะบนภาคพื้นดิน จ่ายบอลตามช่องแล้วหาจังหวะเปิดเข้าพื้นที่สุดท้าย ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะยังไม่เจอทีมประเภทเขี้ยวลากดินจึงยังใช้สไตล์การเล่นที่ถนัดได้ผลดีอยู่

แต่หากตื้อตันขึ้นมาเมื่อไหร่ก็อาจจะเจาะทีมที่เกมรับเหนียวแน่นและเล่นลูกกลางอากาศได้ดีไม่เข้า ซึ่งก็มีตัวอย่างในรอบแบ่งกลุ่ม นัดเแรก ที่ครองบอลถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ผ่านบอลแม่นยำถึง 89 เปอร์เซ็นต์ ต่อบอลกันสนุกเท้าถึง 954 ครั้ง สำเร็จถึง 852 ครั้ง แต่กลับเสมอ สวีเดน 0-0 กุนซือ หลุยส์ เอ็นริเก จึงต้องแก้ไขเรื่องการปรับหมากให้หลากหลายขึ้น หากต้องเจอสถานการณ์แบบนี้

คะแนน : โครเอเชีย 81 / สเปน 82

---------

ขวัญกำลังใจ

แม้การพลิกสถานการณ์จากที่แพ้ อังกฤษ ตั้งแต่นัดแรกกลับมาเข้ารอบน็อกเอาต์ได้จะทำให้ โครเอเชีย มีความมั่นใจมากขึ้น แต่การขาด เดยัน ลอฟเรน กองหลังคนสำคัญซึ่งเป็นกัปตันทีมลำดับ 4 ที่ติดโทษแบน และยังมาเสีย อิวาน เปริซิช ที่ติดเชื้อโควิด-19 ก่อนออกเดินทางมายังเดนมาร์กอีกราย สภาพจิตใจของทัพ "หมากรุก" จึงน่าจะถดถอยลงไปพอสมควร

ผิดกับ สเปน ที่ขวัญกำลังใจค่อยๆ ดีขึ้นจากที่ฟอร์มฝืด 2 เกมแรก กลับมาชนะ สโลวะเกีย ขาดลอย 5-0 เหมือนเป็นคนละทีม และยังไร้ปัญหาตัวเจ็บ-ตัวแบนอีก ที่สำคัญ เซร์คิโอ บุสเกตส์ มิดฟิลด์กัปตันทีมก็หายป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 กลับมาลงสนามเป็นตัวจริงได้ในเกมที่แล้วด้วย เรียกว่าช่วงนี้มีแต่สัญญาณด้านบวกภายในทีม

เหลือเพียง อัลบาโร โมราตา กองหน้าตัวหลักที่เพิ่งถูกแฟนบอลคุกคามนอกสนามถึงขั้นจะเอาชีวิตครอบครัว จากเหตุใช้โอกาสเปลืองในสนาม หากจัดการเรื่องสภาพจิตใจได้ เจ้าตัวก็อาจได้โอกาสกลับมาลบคำสบประมาทอีกครั้ง

คะแนน : โครเอเชีย 77 / สเปน 82

---------

คะแนนรวม : โครเอเชีย 78 / สเปน 83

---------

เฮด-ทู-เฮด (พบกัน 8 ครั้ง)

โครเอเชีย ชนะ 3

เสมอ 1

สเปน ชนะ 4

---------

ผลงาน 3 นัดล่าสุด

โครเอเชีย (ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มดี)

ชนะ สกอตแลนด์ 3-1

เสมอ สาธารณรัฐเช็ก 1-1

แพ้ อังกฤษ 0-1

สเปน (ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มอี)

ชนะ สโลวะเกีย 5-0

เสมอ โปแลนด์ 1-1

เสมอ สวีเดน 0-0

---------

สกอร์ที่คาด : สเปน ชนะ 2-0

เรื่อง : ชัช บางแค