หน้าแรกแกลเลอรี่

วัดค่าพลัง-สถิติ "อิตาลี" ข่ม "ออสเตรีย" ลุ้นไร้พ่าย 31 นัด ยูโร 2020 รอบ 16 ทีม

ไทยรัฐออนไลน์

26 มิ.ย. 2564 06:00 น.

เปิดค่าพลัง-สถิติก่อนเกมยูโร 2020 รอบ 16 ทีม อิตาลี เหนือกว่า ออสเตรีย ทุกอณู ลุ้นไร้พ่ายนัดที่ 31 ทุบสถิติเดิมของตำนานกุนซือ พร้อมทำนายผล

อิตาลี VS ออสเตรีย

รอบ 16 ทีม

วันที่ : 26 มิถุนายน 2564 (เวลา 02.00 น. ของวันที่ 27 มิถุนายน เวลาประเทศไทย)

สนาม : เวมบลีย์, กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

ถ่ายทอดสด : ช่อง NBT 2HD (หมายเลข 2)

เกมรุก

การที่ โรแบร์โต มันชินี พาทีมชาติอิตาลีทาบสถิติไร้พ่าย 30 นัดติดต่อกันของ วิตตอริโอ ปอซโซ ตำนานกุนซือชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัย ปี 1934 และ 1938 ได้สำเร็จ (ปอซโซ เคยทำสถิติไว้ในระหว่างปี 1935-1939) โดยคว้าชัยได้ตลอด 11 นัดหลังสุด พร้อมกับยิงคู่แข่งไปถึง 32 ลูก คือเครื่องยืนยันว่าเขาสามารถลบภาพจำเดิมๆ ของ "อัซซูรี" ที่ต้องเล่นด้วยความรัดกุมได้อย่างหมดจด

นอกจากนั้น 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ อิตาลี ยังซัดไปถึง 7 ประตู มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ร่วมกับ เบลเยียม และ โปรตุเกส เป็นรองเพียง เนเธอร์แลนด์ เท่านั้น อีกทั้งยังหาโอกาสลุ้นทำประตูได้ถึง 60 ครั้ง เฉลี่ยนัดละ 20 ครั้ง เป็นรองเพียง เดนมาร์ก ที่ซัดไปถึง 61 ครั้ง บ่งบอกชัดเจนว่าในแต่ละเกมพวกเขาพร้อมสร้างความกดดันแนวรับคู่ต่อสู้แบบไม่มีผ่อน

ส่วน ออสเตรีย ของกุนซือ ฟรังโก โฟดา แม้ 11 นัดหลังสุดจะซัดไป 15 ประตู แต่ก็เป็นการยิงคู่แข่งระดับเดียวกันหรือเป็นรองกว่าอย่าง ลักเซมเบิร์ก (3 ลูก), ไอร์แลนด์เหนือ (2 ลูก), นอร์เวย์ (1 ลูก), สกอตแลนด์ (2 ลูก), หมู่เกาะแฟโร (3 ลูก), มาซิโดเนียเหนือ (3 ลูก) และ ยูเครน (1 ลูก) แต่กลับบ้อท่าเมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่ชื่อชั้นเหนือกว่า ทั้ง เดนมาร์ก, อังกฤษ, สโลวะเกีย และ เนเธอร์แลนด์

เกมในกลุ่มซี 3 นัด ออสเตรีย จัดมาได้ 4 ประตูจากการยิงในกรอบเขตโทษทั้งหมด ด้วยโอกาสสับไก 37 ครั้ง เป็นอันดับ 10 ในบรรดา 24 ทีม แต่เมื่อดูจากการลุ้นทำประตู 8 ครั้งในเกมแพ้ทีมใหญ่อย่าง เนเธอร์แลนด์ 0-2 พวกเขายิงตรงกรอบเพียงหนเดียว แสดงให้เห็นว่าการเจอ อิตาลี ในเกมนี้ เมื่อมีโอกาสต้องอย่ายิงนกตกปลาจึงจะมีโอกาสสร้างเซอร์ไพรส์คว้าชัย

คะแนน : อิตาลี 9.5 / ออสเตรีย 7

---------

เกมรับ

ที่ผ่านมาใช่ว่า "อัซซูรี" จะก้มหน้าก้มตาบุกอย่างเดียวโดยไม่สนใจหลังบ้าน เพราะพวกเขายังไม่เสียประตูให้คู่แข่งติดต่อกันถึง 11 นัด คิดเป็นเวลานานกว่า 1,000 นาทีเข้าไปแล้ว แม้จะยังไม่เจอทีมยักษ์ใหญ่ก็จริง มีเพียง โปแลนด์, สาธารณรัฐเช็ก, สวิตเซอร์แลนด์ ที่พอไปวัดไปวา แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาพลาดยากเมื่อเจอคู่แข่งในระดับนี้ และอาจรวมถึง ออสเตรีย ด้วย

ขณะที่ "ลูกหลานโมซาร์ท" 11 นัดหลังสุด ถูกเจาะตาข่ายถึง 13 ประตู เจอ เดนมาร์ก ทะลวงไป 4 แผล แม้แต่คู่แข่งอย่าง หมู่เกาะแฟโร กับ มาซิโดเนียเหนือ ก็ยังรักษาคลีนชีตไม่ได้ (ชนะ 3-1 ทั้ง 2 นัด) ถือเป็นข้อบ่งชี้ว่าเกมรับยังมีช่องโหว่ให้เห็น แม้จะรอดปากเหยี่ยวปากกามาได้ในเกมส่งท้ายรอบแบ่งกลุ่มที่ชนะ ยูเครน 1-0 แต่การเจอ อิตาลี ที่พร้อมประเคนเกมรุกชุดใหญ่ก็คงไม่ง่ายที่จะเอาตัวรอดได้อีกครั้ง

คะแนน : อิตาลี 9 / ออสเตรีย 7

---------

ความแข็งแกร่ง 

การไม่แพ้ใคร 30 นัดติดต่อกันนานเกือบ 3 ปี บ่งบอกชัดเจนว่า อิตาลี แข็งแกร่งเพียงไหน แม้จะเข้าปะทะน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ในทัวร์นาเมนต์นี้ที่ 26 ครั้ง สำเร็จเพียง 8 ครั้ง พลาดท่าถึง 18 ครั้ง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับลูกทีมของ มันชินี ที่ครองบอลมากกว่าคู่ต่อสู้เสมอ โดย 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม มีเปอร์เซ็นต์ครองบอลเฉลี่ยอยู่ที่ 57.7 เปอร์เซ็นต์ เป็นอันดับ 3 เท่ากับ เบลเยียม เป็นรองแค่ สเปน และ เยอรมนี 

ส่วนปัญหาบาดเจ็บก็ยังทำอะไร "อัซซูรี" ไม่ได้ แม้ อเลสซานโดร ฟลอเรนซี แบ็กขวาตัวเลือกแรกจะเจ็บตั้งแต่เกมเปิดสนาม ชนะ ตุรกี 3-0 แต่ยังมี โจวานนี ดิ ลอเรนโซ กับ ราฟาเอล โตลอย ที่ทดแทนได้แบบไม่มีสะดุด หรือ จอร์โจ คิเอลลินี กองหลังกัปตันทีมที่เจ็บในเกมที่ 2 แต่ ฟรานเชสโก อแชร์บี ก็ยังลงมาคุมแผงหลังได้โดยไร้รอยต่อ

แม้แต่เกมส่งท้ายรอบแบ่งกลุ่มที่พักผู้เล่นถึง 8 คนก็ยังชนะ เวลส์ ได้ 1-0 เข้ารอบ 16 ทีมมาด้วยผลงาน 100 เปอร์เซ็นต์ เก็บ 9 คะแนนเต็ม และยังไม่เสียประตูด้วย แสดงให้เห็นว่าผู้เล่นที่มีอยู่สามารถทดแทนกันได้หมด โดยที่คุณภาพยังไม่ดร็อปลงไป

ด้าน ออสเตรีย อาจจะเป็นรอง อิตาลี ในจุดนี้ เพราะเมื่อ มาร์โก อาร์เนาโตวิช กองหน้าตัวเป้าโดนแบนในเกมที่ 2 กลุ่มซี หลังพูดจาเย้ยหยันผู้เล่นมาซิโดเนียเหนือ พวกเขาก็ทำอะไร เนเธอร์แลนด์ ไม่ค่อยได้ก่อนแพ้ไป 0-2 นอกจากนี้ยังต้องรอเช็กความฟิตของ คริสตอฟ เบาม์การ์ทเนอร์ กับ คอนราด ไลเมอร์ 2 แนวรุกตัวเก่งที่เจ็บจากเกมล่าสุดชนะ ยูเครน 1-0 ด้วย หากไม่ฟิตสมบูรณ์อาจกระทบถึงอาวุธที่จะไปต่อกร

กระนั้นลูกทีมของ ฟรังโก โฟดา อาจทดแทนด้วยการเล่นเกมหนักเข้าขู่ ซึ่งพวกเขาปะทะชนะคู่แข่งถึง 26 ครั้งจากทั้งหมด 43 ครั้ง มากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก เยอรมนี เพียง 3 ครั้งเท่านั้น และยังไล่บอลคืนจากคู่ต่อสู้ได้ถึง 152 ครั้ง เป็นอันดับ 2 น้อยกว่า เนเธอร์แลนด์ แค่ 3 ครั้งเช่นกัน 

คะแนน : อิตาลี 90 / ออสเตรีย 78

---------

ฟอร์มการเล่น

เมื่อดูผลงานช่วงหลังแน่นอนว่า อิตาลี คือทีมที่ฟอร์มดีที่สุด ณ เวลานี้ หลังจากยังไม่เสียท่าให้ทีมไหนนับตั้งแต่แพ้ โปรตุเกส 0-1 ในศึกยูฟ่า เนชันส์ ลีก เมื่อวันที่ 10 กันยายน ปี 2018 ก่อนเอาชนะไปถึง 25 นัด เสมอ 5 เกม โอกาสที่ มันชินี จะก้าวข้ามตำนานของ ปอซโซ ด้วยการพาทีมไร้พ่ายนัดที่ 31 ติดต่อกันในเกมนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อม

ด้าน ออสเตรีย แม้ 8 นัดในปี 2021 จะชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ 3 แต่ก็เป็นการพลาดท่าให้ทีมที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้น ทั้ง เดนมาร์ก (0-4), อังกฤษ (0-1) และ เนเธอร์แลนด์ (0-2) ก่อนจะมาคืนฟอร์มแบบเหนือความคาดหมายเล็กน้อยในเกมส่งท้ายกลุ่มซี ที่เฉือนชนะ ยูเครน 1-0 รวมถึงการคว้าชัย 2 นัด เก็บ 6 แต้มในรอบแบ่งกลุ่ม เข้ารอบด้วยการเป็นที่ 2 ของสาย ช่วยให้ภาพลักษณ์ดูดีขึ้นมาพอสมควร

คะแนน : อิตาลี 99 / ออสเตรีย 80

---------

แท็กติก

ด้วยปรัชญา "เกมรุกที่ดี คือเกมรับที่ดี" ของ มันชินี ทำให้ "อัซซูรี" ยุคใหม่แพ้ยากและพร้อมชนะคู่แข่งทุกรายที่ขวางหน้า ส่วนนัดที่แล้วซึ่งเฉือนชนะ เวลส์ 1-0 แม้เหลือ 11 คนแรกจาก 2 นัดแรกเพียง 3 คน คือ จอร์จินโญ, เลโอนาร์โด โบนุชชี และ จานลุยจิ ดอนนารุมมา แต่ก็ยังเล่นด้วยแนวทางเดิมไม่เปลี่ยน และยังได้ประตูชัยจากลูกเซตพีซอีกต่างหาก แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายและความยืดหยุ่นของทีมได้เป็นอย่างดี

ส่วน "ลูกหลานโมซาร์ท" ของ โฟดา รูปแบบการเข้าทำอาจจะไม่สวยงามหรือซับซ้อนมากนัก เพราะ 3 ใน 4 ประตูที่ทำได้ในรอบแบ่งกลุ่มเกิดจากการเปิดบอลริมเส้นเข้าเขตโทษ เพื่อรอชาร์จบริเวณกรอบ 6 หลา ตลอดจนใช้พละกำลังความแข็งแรงของร่างกายนักเตะที่มีรูปร่างสูงใหญ่คอยบดบี้ เบียดปะทะ ทำลายจังหวะคู่แข่ง แต่ถึงแม้จะเดาได้ไม่ยากว่าจะมาไม้ไหน พวกเขาก็ยังใช้จุดแข็งที่มีให้เป็นประโยชน์ได้ดีอยู่

คะแนน : อิตาลี 92 / ออสเตรีย 78

---------

ขวัญกำลังใจ

การรักษาสถิติไร้พ่ายต่อเนื่องมา 30 นัด ยาวนานเกือบ 3 ปี โดยไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้ ทั้งอาการบาดเจ็บของผู้เล่น หรือการพักตัวหลักแล้วส่งตัวสำรองลงไปโลดแล่นแทน เมื่อรวมกับการประกาศว่าจะมีโบนัสให้คนละ 200,000 ยูโร (7.6 ล้านบาท) หากเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ ยิ่งทำให้กำลังใจของ อิตาลี ดีเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย

ซึ่งเกมนี้บรรดาตัวจริงจะกลับมาประจำการ ทั้ง เลโอนาร์โด สปินาซโซลา แบ็กซ้าย รวมถึงแดนกลางที่แม้จะทำให้ มันชินี ต้องปวดหัวในการจัดตัวลงเล่น เพราะคุณภาพของตัวเลือกที่มีอยู่ใกล้เคียงกันหมด ทั้ง จอร์จินโญ, มานูเอล โลคาเตลลี, นิโคโล บาเรลลา, มาร์โก แวร์รัตติ, มัตเตโอ เปสซินา แต่ก็เป็นปัญหาที่น่ายินดีสำหรับกุนซือ

ตลอดจนแดนหน้าที่มีหน้าเป้าอย่าง ชิโร อิมโมบิเล กับ อันเดรีย เบล็อตติ ตัวรุกด้านข้างอย่าง ลอเรนโซ อินซินเญ, โดเมนิโก เบราร์ดี, เฟเดริโก เคียซา, เฟเดริโก แบร์นาร์เดสคี และยังมี จาโคโม ราสปาโดรี ดาวรุ่งที่พร้อมเป็นอาวุธลับอีก เรียกว่า "อัซซูรี" ไร้กังวลเรื่องขุมกำลังที่มีอาวุธครบมือให้ใช้งาน

สำหรับ ออสเตรีย แม้จะยังต้องลุ้นเช็กความฟิตของ เบาม์การ์ทเนอร์ และ ไลเมอร์ จนอาจต้องถ่าง ดาวิด อลาบา กัปตันทีมสารพัดประโยชน์ออกไปเล่นวิงแบ็กฝั่งซ้าย หรือหากหวังพึ่งพาประสบการณ์เพื่อหยุดยั้งพลังบุกของ อิตาลี ก็อาจถอยลงไปยืนเป็นปราการหลังตัวที่ 3 แต่ด้วยชัยชนะล่าสุดเหนือ ยูเครน ที่มีเกมรุกวูบวาบพอตัวโดยไม่เสียประตู พร้อมกับเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่มซี น่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจไม่น้อย

คะแนน : อิตาลี 95 / ออสเตรีย 82

---------

คะแนนรวม : อิตาลี 94 / ออสเตรีย 80

---------

เฮด-ทู-เฮด (พบกัน 35 ครั้ง)

อิตาลี ชนะ 16

เสมอ 8

ออสเตรีย ชนะ 11

---------

ผลงาน 3 นัดล่าสุด

อิตาลี (ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ)

ชนะ เวลส์ 1-0

ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 3-0

ชนะ ตุรกี 3-0

ออสเตรีย (ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มซี)

ชนะ ยูเครน 1-0

แพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-2

ชนะ มาซิโดเนียเหนือ 3-1

---------

สกอร์ที่คาด : อิตาลี ชนะ 2-0

เรื่อง : ชัช บางแค