ไทยรัฐออนไลน์
วิเคราะห์ศึกฟุตบอล ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี นัดสอง "โคนม" ทีมชาติเดนมาร์ก ดวลเดือดกับ "ปิศาจแดงแห่งยุโรป" ทีมชาติเบลเยียม มาเทียบสถิติ-ค่าพลัง และทำนายผลแข่งว่าใครจะเป็นฝ่ายคว้าชัย
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี นัดที่ 2 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 17 มิ.ย. 64 ที่สนามปาร์เกน สตาดิโอน (เดนมาร์ก) "โคนม" ทีมชาติเดนมาร์ก พบกับ "ปิศาจแดงแห่งยุโรป" ทีมชาติเบลเยียม
เกมนี้ แคสเปอร์ ฮูลมันด์ กุนซือทีมชาติเดนมาร์ก จะไม่สามารถใช้งาน คริสเตียน อีริคเซน กองกลางตัวเก่งยาวไปจนจบทัวร์นาเมนต์เนื่องจากมีอาการหัวใจหยุดเต้นระหว่างเกมนัดแรกที่แพ้ให้กับ ฟินแลนด์ ไป 0-1 ก่อนจะฟื้นตัวในเวลาต่อมา นอกนั้นตัวหลักคนอื่นๆ พร้อมลงสนาม แคสเปอร์ ชไมเคิล ลงเฝ้าเสา อันเดรียส คริสเตนเซน คุมแนวรับร่วมกับ ซิมง เคียร์ แดนกลางมี ปิแอร์ เอมิล ฮอยจ์เบิร์ก เป็นจอมทัพ ส่วนแนวรุกฝากความหวังไว้ที่ ยุสซุฟ โพลเซน, มาร์ติน เบรธเวท และ แคสเปอร์ โดลเบิร์ก
ขณะที่ โรเบร์โต มาร์ติเนซ กุนซือเบลเยียม จะขาดเพียง ทิโมธี คาสตานเญ ฟูลแบ็กคนสำคัญที่มีอาการบาดเจ็บ และต้องรอเช็กความฟิตของ อักเซล วิตเซล กับ เควิน เดอ บรอยน์ ส่วนตัวหลักคนอื่นๆ พร้อมลุยทั้งหมด นำมาโดย ยูริ ติเลอมองส์, ธอร์กาน อาซาร์ด, ดรีส์ เมอร์เทนส์ และ โรเมลู ลูกากู ดาวยิงประจำทีม ส่วน เอเดน อาซาร์ด ที่ได้ลงมาสัมผัสเกม 20 นาทีในนัดที่แล้ว ก็เป็นอีกคนที่มีลุ้นเป็นตัวจริง
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม
เจอกันมาทั้งหมด 15 ครั้ง เดนมาร์ก ชนะ 6 ครั้ง เสมอกัน 3 ครั้ง
ผลงาน 3 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม
เดนมาร์ก
เสมอ เยอรมนี 1-1
ชนะ บอสเนีย 2-0
แพ้ ฟินแลนด์ 0-1
เบลเยียม
เสมอ กรีซ 1-1
ชนะ โครเอเชีย 1-0
ชนะ รัสเซีย 3-0
เทียบค่าพลังต่างๆ
พลังเกมรุก
เดนมาร์ก เกมรุกประสิทธิภาพลดลงไปแน่นอนเมื่อไม่มี คริสเตียน อีริคเซน คอยปั้นเกม แถมแดนหน้าคนอื่นๆ ก็จบสกอร์กันไม่เฉียบขาดเท่าที่ควร สังเกตได้จากเกมแรกที่แพ้ ฟินแลนด์ พวกเขามีโอกาสหลายครั้ง แต่เปลี่ยนให้เป็นสกอร์กันไม่ได้เอง ส่วน เบลเยียม เหนือกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ขุมกำลังตั้งแต่กองกลางไปยันกองหน้าทำประตูได้ดีเกือบทุกคน แถมนัดแรกยังกระหน่ำ รัสเซีย มาถึง 3-0 บ่งบอกคุณภาพของพวกเขาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ โรเมลู ลูกากู ที่ฟอร์มกำลังเข้าฝักสุดๆ
พลังเกมรับ
เดนมาร์ก ถือว่าเป็นทีมที่มีเกมรับไม่ธรรมดาเลยทีเดียว 5 นัดหลังสุดพวกเขาเสียไปแค่ 2 ประตู ซิมง เคียร์ กับ อันเดรียส คริสเตนเซน ค่อนข้างจับคู่กันได้อย่างลงตัว และอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับ เบลเยียม ที่จะเจาะเข้าไปลุ้นทำประตูถ้าเกิดแนวรับของโคนมท็อปฟอร์ม ส่วนเกมรับของ เบลเยียม ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เสียไปแค่ 2 ประตู จาก 5 นัดหลังสุดเช่นกัน 3 แนวรับอย่าง แยน แฟร์ตองเกน, เดดริค โบยาคา และ โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์ ประสานงานกันได้อย่างลงตัว ดังนั้นนี่คือการดวลกันของสองทีมที่มีเกมรับเหนียวแน่นทำให้น่าดูชมว่าแนวรุกของทั้งสองฝ่ายจะใช้วิธีใดในการเจาะเข้าไป แต่ถ้าเทียบความละเอียดแล้ว เบลเยียม จะดูเหนือกว่าเล็กน้อยในจุดนี้
ฟอร์มการเล่น
นัดแรกของ เดนมาร์ก แม้พวกเขาจะแพ้ให้กับ ฟินแลนด์ แต่รูปเกมถือว่าค่อนข้างโอเคเลยทีเดียว กดดันคู่แข่งได้ดี แต่ก็อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าแนวรุกไม่มีความเฉียบคมเอาเสียเลย ส่วน เบลเยียม ฟอร์มสะเด่าเหลือเกิน ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด อันตรายในทุกพื้นที่ ดังนั้นเรื่องฟอร์มการเล่นคงต้องยกให้ เบลเยียม เหนือกว่าอย่างชัดเจน
แท็กติก
ต่อกันที่เรื่องของแท็กติก โรเบร์โต มาร์ติเนซ กุนซือเบลเยียม ทำได้ดีกับระบบ 3-4-2-1 กองหลัง 3 คน ช่วยกันดีมาก ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งก็มีส่วนผสมของการเล่นเกมรุกและเกมรับที่ดี ขณะที่คู่กองกลางก็เข้าขากลมกลืน และตัวริมเส้นอย่าง ยานนิค คาร์ราสโก กับ ธอร์กาน อาซาร์ด ก็กระชากลากเลื้อยได้อย่างดุดัน มีความกล้าหาญในการพาบอลตะลุยเข้าเขตโทษ และผู้เล่นตามจุดต่างๆ ของสนาม ก็พร้อมที่จะนำพาบอลไปถึงตัวความหวังอย่าง ลูกากู เพื่อเผด็จศึกคู่แข่ง ขณะที่ แคสเปอร์ ฮูลด์มันด์ กุนซือเดนมาร์ก ใช้ระบบ 4-2-3-1 แต่ตัวรุกที่อยู่ข้างหลังกองหน้าไม่ค่อยมีทีเด็ดมากพอ ทำให้บอลไปไม่ค่อยถึงกองหน้าตัวเป้า ดังนั้นถ้ามองในเรื่องแท็กติก เบลเยียม ดูจะเขี้ยวกว่าพอสมควร
ขวัญกำลังใจ
เดนมาร์ก มีปัญหาในเรื่องของขวัญกำลังใจอย่างแน่นอน เพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์ของ คริสเตียน อีริคเซน มา แต่ถ้าพวกเขาใช้สิ่งนี้เป็นแรงผลักดันในการเดินหน้าเพื่อคว้าชัยชนะ ก็อาจจะส่งผลดีได้เช่นกัน ส่วนขวัญกำลังใจของ เบลเยียม เรียกได้ว่ากำลังพุ่งปรี๊ดปร๊าด เพราะฟอร์มการเล่นจากนัดแรกทำให้พวกเขามีความมั่นใจ และเตรียมเดินหน้าสู่ชัยชนะเพื่อโอกาสในการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป
ทำนายผล: เดนมาร์ก แพ้ เบลเยียม 0-2